🎬รีวิวภาพยนต์ แบทแมน อัศวินรัตติกาล💜 BATMAN – THE DARK KNIGHT

📽คลิปตัวอย่าง👁‍🗨 แบทแมน อัศวินรัตติกาล💜 BATMAN – THE DARK KNIGHT

🎬รีวิวภาพยนต์ แบทแมน อัศวินรัตติกาล💜 BATMAN – THE DARK KNIGHT

  • เรื่อง         BATMAN – THE DARK KNIGHT
    ประเภท    Action/Crime/Drama
    ผู้กำกับ     Christopher Nolan
    ความยาว  2h 32m
    ปีที่ฉาย     2008
    IMDB     9.0/810

หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะสงบลง จากการร่วมมือกันระหว่าง แบทแมน ผู้หมวดจิม กอร์ดอน และอัยการเขต ฮาร์วีย์ เดนท์ ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดีในการพยายามกวาดอาชญากรในเมืองนี้ทั้งแบบเบื้องหน้าและเบื้องหลัง จนกระทั่งการปรากฏตัวของวายร้ายสุดชั่วอย่าง โจ๊กเกอร์ ที่ทำให้ศีลธรรมในตัวแต่ละคนต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง เพราะนี่คือสุดยอดแห่งวายร้ายคู่ปรับตลอดกาลในจักรวาลของอัศวินรัตติกาลคนนี้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Dark Knight นั้น คงเหมาะกับคอหนังซุปเปอร์ฮีโร่ เพียงแต่ไม่ใช่แนวฮีโร่ทั่วๆ ไปที่สดใสแบบค่าย Marvel สักเท่าไร แต่เป็นความืดหม่นสมชื่ออัศวินรัตติกาล ด้วยความที่หนังดำเนินเรื่องอย่างเคร่งเครียด ประกอบกับการโยนประเด็นศีลธรรมมาให้ทั้งตัวละครและคนดูนั้นต้องเลือกไปพร้อมๆ กัน ก็ยิ่งยกระดับจากหนังฮีโร่ไปสู่หนังอาชญากรรมที่ตั้งคำถามเชิงศีลธรรมได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นคนที่ชอบหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดูแล้วไม่เครียดอาจจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้ แต่หากคุณได้ดู Batman Begins ภาคก่อนหน้านี้มาแล้ว คุณจะหลงรัก The Dark Knight เลยจริงๆ

เรียกได้ว่าน่าจะเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ในดวงใจของใครหลายคน จากผลงานกำกับของเสด็จพ่อ Christopher Nolan ที่นำพาคนดูทะยานไปไกลได้กว่าสิ่งที่เห็นเสมอ ซึ่งกับหนังชุด Batman นี้ก็ไม่ต่างกัน เพราะหลังจากที่เขาได้พาเราไปสำรวจโลกของ Batman คนใหม่กันไปแล้ว มาภาคนี้ก็เป็นการยกระดับหนังขึ้นไปได้ไกลกว่าภาคแรกเป็นอย่างมาก ด้วยคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้ออย่าง โจ๊กเกอร์ ประกอบกับวายร้ายรายอื่นๆ ที่หนังมีพื้นที่ให้อย่างเต็มที่ เลยทำให้มันกลายเป็น Batman ภาคที่ครบเครื่องเข้มข้นมากเลยทีเดียว

แม้ว่าหนังฮีโร่ส่วนมากมักต้องมีฉากฮีโร่ประมือกับเหล่าร้าย แต่กับ The Dark Knight เรียกได้ว่าแทบจะเป็นส่วนน้อย เพราะหนังไปให้เวลากับการเล่าเรื่อง บทสนทนาคมๆ และประเด็นในเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่า ทำให้ฉากปะทะของ Batman ในเรื่องนี่แทบจะนับได้เลยทีเดียวว่ามีกี่ฉาก แต่แทบทุกฉากที่ออกมานั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นฉากที่น่าจดจำแทบทั้งสิ้น ในส่วนของประเด็นของหนังก็เต็มไปด้วย Dilemma ต่างๆ ถึงทางเลือกศีลธรรม ก็เรียกได้ว่าถวายพานไปถึงทุกตัวละครแบบสุดๆ แม้กระทั่งตัว Batman เองก็ยังต้องมีจุดตัดสินใจที่ต้องเลือก จนเสียความเป็นฮีโร่ไปได้เหมือนกัน

ส่วนที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่องคงหนีไม่พ้น Heath Ledger ที่รับบท โจ๊กเกอร์ เอาไว้ได้อย่างเป็นตำนาน สร้างความน่าสะพรึง พร้อมทั้งรังสีที่กดดันแผ่มาถึงคนดูได้แทบทุกฉาก (จนบางทีก็สงสัยนะว่าหนังยังอุตส่าห์รอดจาก Rate R มาได้อย่างไร) มันเลยเป็นการปะทะการระหว่างอุดมการณ์กับคนบ้าที่ต้องการทำลายล้างทุกสิ่ง จนกลายเป็นว่าตลอดทั้งเรื่องของหนังแทบจะเป็นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องได้ทั้งหมดเลย นับเป็นอีกตำนานหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ยากจะหาหนังเรื่องไหนมาทัดเทียมได้จริงๆ