รีวิวหนัง BLADE RUNNER 2049 เบลด รันเนอร์ 2049

BLADE RUNNER 2049 เบลด รันเนอร์ 2049

เรื่องย่อหนัง BLADE RUNNER 2049

Blade Runner 2049 เป็นเหตุการณ์มันเกิดหลังจากภาคแรกผ่านมา 30 ปี โลกมนุษย์มีเบลด รันเนอร์ คนใหม่ นามว่า “เค” เช่นเคย เขาได้รับภารกิจเด็ดหัวพวกมนุษย์เทียมเน็กซัส 8 แต่ดูเหมือนภาคนี้จะไปไกลยิ่งกว่า อาจสงสัยว่าสาวสวยตาโต ที่อยู่กับเขานั้นเป็นใคร ไปดูหนังสิจะได้รู้คำตอบ เมื่อแคลิฟอร์เนียและทั่วโลกเผชิญกับภัยพิบัติทางด้านอาหาร และองค์กรธุรกิจใหญ่มาควบรวมกิจการของไทเรลล์คอร์ป ซึ่งก็นำโดยวอลเลซ ชายผู้ซึ่งตาบอดทั้งสองข้าง การทำงานของเคนำพาเขาไปพบเบาะแสบางอย่างที่พาเขาเดินออกนอกเส้นทาง และพาเขาไปพบกับ ริค เดคการ์ด เบลด รันเนอร์ คนก่อน

รีวิวหนัง BLADE RUNNER 2049

จะเรียกว่าเป็นภาคต่อก็คงใช่ เพราะนี่มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ในภาคแรกราว 30 ปี จะเรียกว่าเป็นการเล่าเรื่องโดยใช้วัตถุดิบจากภาคแรกแล้วเล่าซ้ำใหม่ให้โดดเด้งกว่าเดิมก็คงจะใช่อีกเช่นกัน และด้วยความที่ปูพื้นมีพอสมควรจากการชมภาคแรกมาก่อน ทำให้มองเห็นว่าภาคนี้ตั้งใจที่จะเลียนแบบหรือไม่ก็เรียกได้ว่าคารวะภาคแรกอย่างชัดเจน ด้วยแนวทางของเรื่องราวที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็แค่บางส่วน เพราะผู้กำกับฯ เล่นเสริมใส่ประเด็นทางปรัชญาให้ยิ่งยวด บางช่วงที่หนังจะเงียบมาก มากจนได้ยินเสียงหายใจของคนข้างๆ

แต่สักพักก็จะมีดนตรีมาบิ๊วสร้างความกดดัน หลายหนที่ก็ไม่ได้มีดนตรีอะไรแต่ก็ชวนให้กดดันได้ แต่ด้วยงานภาพที่แจ่ม ให้มุมมองที่ชวนให้อยากเห็นภาพส่วนที่เหลือ แล้วภาพก็แพนไปอย่างที่ใจเราต้องการ ทุกอย่างมันดูเข้ากันดีไปหมด นักแสดงสาวๆ คือสวยกันทุกคน ไล่ไปตั้งแต่สาวคิวบาตาโตอย่าง Ana de Armas เธอมีเสน่ห์ชวนมองจนเห็นด้วยว่าควรจะมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ ตามด้วย Mackenzie Davis สาวสวยที่ยั่วยวนให้เคเคลิ้มไหว แถมยังมีฉากที่แสนฟินฉากนั้นอีก ส่วนอีกคน Sylvia Hoeks เธอเป็นสาวคนที่รับใช้ใกล้ชิดกับวอลเลซ นิ่งแต่ดุใช่ย่อย

จะว่าหนังนานก็ไม่อาจปฏิเสธ หนังเนิบจนอาจหาวไประหว่างดูได้บ้าง แต่ก็ไม่อาจลดทอนความน่าสนใจของหนังลงไปได้สักนิดเลย สิ่งที่ยังไม่ทิ้งไปจากภาคเก่าก็คือ จินตนาการของเมืองในอนาคตที่ดูหรูหรา ทว่าเต็มไปด้วยประชากรที่มากล้นจนอาคารที่พักอาศัยมีแต่ความแออัด บรรยากาศของเมืองในยามกลางคืนเมื่อมองจากบนท้องฟ้ามันดูอึมครึม นอกจากนี้ เรายังได้เห็นบรรยากาศนอกเมืองที่กลายเป็นที่เก็บขยะ ช่างรกร้างแตกต่างจากในเมืองหลายเท่านัก ทั้งเมืองถูกโอบล้อมไว้ด้วยกำแพงสูงกั้นน้ำทะเลที่คลื่นโคตรจะรุนแรง แถมยังเป็นอนาคตที่ฝนเทกระหน่ำแทบจะตลอดเวลา

งานสร้างในภาคนี้ไม่ธรรมดา ไหนๆ เราก็สร้างกันในปี 2017 ทั้งที มันช่างดูยิ่งใหญ่ และสมจริง งานวิชวลก็ดีงามไม่แพ้กัน การเลือกใช้สีที่แตกต่างกันก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ ในด้านดนตรีประกอบที่ใช้ทั้ง Hans Zimmer เมื่อชมในโรงที่เสียงดีอย่าง IMAX ทำให้มันดูอึกทึก ยิ่งใหญ่ และกดดันไปในคราวเดียวกัน คงต้องบอกว่าประสบการณ์ในโรงอย่าง IMAX3D นี่ไม่ใช่แค่หนังไซไฟของนักสืบตำรวจผู้ต้องค้นหาและกำจัดมนุษย์เทียมผู้คิดต่อต้านอีกแล้ว แต่มันคือหนังไซไฟของเบลด รันเนอร์ ที่ผู้ตามหาตัวเอง และการต่อสู้เพื่อจุดยืนในแบบที่ต่างยึดถือว่าดี หนังมุ่งเน้นปรัชญาของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้หมายถึงจำเพาะมนุษย์เท่านั้น

ภายใต้ภาพที่ฉาบไว้ด้วยการเดินเรื่องแบบนิ่งๆ สลับกับฉากแอคชั่นที่มาเป็นบางช่วง นี่จึงไม่ใช่หนังแอคชั่นที่ผู้ชมหวังว่าจะเข้ามาลุ้นสนุกเอามันแต่เพียงแค่นั้น มันยังเป็นหนังที่ปล่อยให้เราได้ค้นหาและคิดตามว่านิยามของบางสิ่งนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์อย่างพวกเราเกิดมาความทรงจำที่เป็นของจริงมาโดยตลอด เพราะโลกนี้ยังไม่มีมนุษย์ คงไม่มีมนุษย์ตนไหนในตอนนี้ที่เฝ้าถามตัวเองว่าที่ผ่านมามันคือของจริงหรือเปล่า หนังเล่าเก่งขนาดที่ทำให้คนดูต้องอึ้งไม่แพ้กับตัวละคร เมื่อทุกอย่างที่เราเข้าใจมาตลอดกลับเป็นเพียงแค่สิ่งที่หนังอยากจะให้เราเข้าใจผิด

ต้วอย่างหนัง BLADE RUNNER 2049

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง BLADE RUNNER 2049

  • ชื่อเรื่อง: Blade Runner 2049 || เบลด รันเนอร์ 2049
  • ประเภท: ไซไฟ || ระทึกขวัญ
  • ผู้กำกับ: เดนิส วิลเลนอูฟ
  • ผู้เขียนบท: Hampton Fancher, Michael Green, Hampton Fancher, Philip K. Dick
  • ความยาว: 163 นาที
  • กำหนดฉาย: 5 ตุลาคม 2017