รีวิว Bullet Train | ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า 2022
รถไฟหัวกระสุนขบวนนี้..ไม่น่าจะอยากมีใครย่างก้าวขึ้นไปโดยสารด้วยแน่ ๆ เพราะคือขบวนที่อัดแน่นไปด้วยเหล่านักฆ่ามือฉมังจากทั่วโลก ที่โคจรมาขึ้นรถไฟเที่ยวเดียวกันใน “Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า” หนังแอคชั่นสุดระห่ำที่เต็มไปด้วยกองทัพดาราฮอลลิวูดอัดแน่คับจอ ที่เป็นการหยิบเอานิยายทริลเลอร์ชื่อดังมาดัดแปลงใหม่และร้อยเรียงออกมาเป็นหนังบู๊ปนขำเรื่องนี้
Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า เล่าเรื่องราวของ เลดี้บั๊ก นักฆ่าพาซวย ที่โชคชะตามักจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ กับภารกิจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาต้องปะทะกับนักฆ่าจากทั่วโลก ทุกคนต่างมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่ก็ต้องต่อกรกันอย่างเลี่ยงไม่ได้บนรถไฟที่เร็วที่สุด…เขาจะลงจากขบวนรถไฟได้อย่างไร ปลายทางสุดโกลาหล เป็นจุดเริ่มต้นความระห่ำ นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “เดวิด ลิตช์” ผู้ที่เคยสร้างตำนานให้กับ Deadpool 2 และบู๊สุดเฉียบใน Atomic Blonde โดยในครั้งนี้เขายังกลับมาหยิบจับผลงานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ทุนหนาอีกครั้ง ด้วยการดัดแปลงเรื่องราวจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ “โคทาโร่ อิซะกะ” ถือนับว่าผลงานชิ้นนี้เป็นงานเขียนระดับมาสเตอร์พีชในอาชีพของเขาเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่า เดวิด ลิตช์ ยังคงรู้ทิศทางและแนวทางในการดีไซต์หนังแอคชั่นระห่ำที่มีพื้นที่จำกัดอยู่เพียงแค่รถไฟขบวนเดียวได้อย่างมีพรสวรรค์ ผู้ชมสามารถไว้วางใจกับองค์ประกอบของฉากบู๊ต่าง ๆ ที่ถือว่าออกแบบมาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และใส่เข้าไปได้รสสัมผัสที่จัดจ้านดีไปตลอดทั้งเรื่อง ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ทำออกมาได้ไม่เสียของ และไปได้เกือบสุดทางอยู่
แต่กระนั้น Bullet Train ก็ยังเต็มไปด้วยจุดบกพร่องประปรายตามทางของหนังตลอด 2 ชั่วโมง แน่นอนว่าจุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกยังไม่ซื้อหนังเรื่องนี้สักเท่าไหร่ นั่นก็คือการที่หนังพูดมากเกินไปสักหน่อย หนังเปิดฉากมาด้วยการสนทนาปูเรื่องในช่วง 30 นาทีแรก ที่สารภาพตรง ๆ ว่าอ้าปากห้าวไปหลายรอบ แม้ว่าบทจะส่งมุกจิกกัดชวนหัวร่อออกมา แต่กลับไม่สามารถทำปฏิกิริยาร่วมได้สักเท่าไหร่
ช่วงแรกของ ๆ ของ Bullet Train จึงมีพร้อมกับอารมณ์เหมือนนั่งรถไฟผิดตู้หรือผิดคลาสที่ซื้อตั๋วเอาไว้ หนังค่อนข้างปูทางได้ไม่น่าดึงดูดสักเท่าไหร่ ถึงจะใช้เทคนิคตัดต่อสลับฉึบฉับและหยอดมุกให้ดูขบขัน แต่กลับยังไม่สามารถประสบความสำเร็จในตรงนั้นได้ แต่ก็มีเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อหนังเข้าเรื่องราวและจุดประกายของเรื่องติดได้แล้ว ก็ค่อย ๆ ไหลลื่นขึ้นไปได้ดีตลอดทาง
แน่นอนว่าไฮไลต์เด็ดดวงของเรื่องนี้ก็คือทีมนักแสดงนั่นเอง แม้ว่าภาพหนังจะขาย “แบรด พิตต์” ที่นักแสดงนำ แต่จริง ๆ เขาก็เป็นแค่เพียงดาราเบอร์ใหญ่ที่สุดของเรื่องเท่านั้น เพราะ Bullet Train ไม่ได้แค่ให้แต่แอร์ไทม์กับแบรดเพียงคนเดียว ยังมี “โจอี้ คิง”, “แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน” หรือ “ไบรอัน ไทรี เฮนรี” ที่ได้รับการเกลี่ยเฉลี่ยบทคละเคล้ากันค่อนข้างเสมอภาคดีในหนังเรื่องนี้ แบบที่ไม่มีใครโดดเด่นไปเหนือกว่าใคร และต้องปรบมือกับพรสรรค์และทักษะของแคสติ้งชุดนี้ ที่ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาคือจุดขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ Bullet Train เคลื่อนขบวนไปข้างหน้าได้อย่างเอ็นจอยตลอดการเดินทาง แม้จะมีจุดที่ขรุขระอยู่บ้าง แต่กระนั้นไปถึงจุดหมายปลายทางได้ปลอดภัยดีอยู่ เคมีของนักแสดงและการเข้าขากันดีโดยธรรมชาติของพวกเขา เป็นสิ่งที่ส่งเสริมหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี
สรุป
สำหรับใครหมายมั่นว่าจะมาดู Bullet Train เพื่อจะมาเห็นการไล่ฆ่าดีเดือดกันบนขบวนรถไฟหัวกระสุนกันโดยเฉพาะ อาจจะต้องบอกว่าอย่างเพิ่งตั้งธงไปเช่นนั้น เพราะอาจจะทำให้คุณไม่สมหวังได้ แต่กระนั้นฉากเซอร์วิสอะไรแบบนั้นมีแน่นอน แต่มันก็มีกับแกล้มไปด้วยการเล่าเรื่องที่ฉับไวและบทสนทนาที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกเฉี่อยชาไปสักหน่อยในตอนแรก ๆ แต่พอรถไฟขบวนนี้ทำความเร็วได้ดีแล้ว ก็ถือว่าแล่นไปตามทางได้รสชาติและความสนุกที่อิ่มเอมใจได้ตลอดเส้นทาง
ข้อมูลเกี่ยวกับ Bullet Train | ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า 2022
- ประเภท แอคชั่น ตลก ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ ทอม กอร์มิแคน
- ความยาว 2ชม.7น
- ปีที่ฉาย 2565
- คะแนะ 7.3 / 10