รีวิวซีรีย์ ล่าเสียงมรณะซีซั่น4 Voice 2021

สำหรับหนังหรือซีรีส์ถ้าไม่ดีจริงการสร้างภาคต่อหรือซีซันต่อๆมาก็คงไม่มี แต่ถ้ามีเรื่องไหนที่ยืนระยะมาได้จนมีภาคต่อมาอย่างยาวนานนั่นคืองานนั้นต้องมีดีมีฐานคนดูที่มากพอ  แต่สิ่งที่ตามมาและเป็นราคาที่ต้องจ่ายคือมันจะไปถึงจุดตายที่การหมดมุขเรื่องราวเริ่มวนอยู่ที่เดิม  เพราะการสร้างภาคต่อหรือซีซันต่อนั้นไม่ว่าจะเล่าเรื่องอย่างไรก็ยังต้องคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แล้วสิ่งที่ตามมาคือเรื่องจะไม่พัฒนาไปมากกว่าที่เคยทำให้บางเรื่องวนอยู่กับที่จนสุดท้ายคนดูก็เริ่มหน่าย  ซึ่งสำหรับงานซีรีส์ที่เรียกได้ว่ากลายเป็นตำนานอย่าง Voice ที่ออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2017 ที่กลายเป็นของขึ้นหิ้งของวงการที่ใครก็ต้องดู  เมื่อมาครบทั้งความหลอน  จิตตก  และประเด็นทางสังคม  ประกอบกับการแสดงในระดับสวมวิญญาณของอีฮานากับจางฮยอกรวมถึงคนอื่นๆกระทั่งตัวร้ายที่จิตสุดๆมันจึงทำให้งานออกมาลงตัวทุกมิติ รีวิว ล่าเสียงมรณะซีซั่น4 จนสืบทราบมาว่าเซอร์คัสแมนมีถิ่นที่อยู่ที่เกาะบีโมทีมโกลเด้นไทม์จึงต้องไปปฏิบัติภารกิจที่นั่น  แต่แล้วเบาะแสกลับชี้มาที่คังควอนจูเมื่อรูปถ่ายผู้ต้องสงสัยมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคังควอนจูดั่งฝาแฝดแถมยังมีความสามารถทางประสาทหูเช่นเดียวกัน  คดีนี้จึงสร้างความงุนงงให้กับทั้งเธอเองและสายสืบโจแต่ระหว่างนั้นทีมโกลเด้นไทม์ก็ได้คลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นบนเกาะบีโมไปพร้อมๆกับการสืบหาเซอร์คัสแมน แล้วก็พบว่าแท้จริงแล้วเซอร์คัสแมนใช้วิธีหาเหยื่อผ่านเกมเกี่ยวกับการแก้แค้นเซอร์คัส ปิโอเร่ต์ที่พยายามหาเหยื่อที่เป็นเด็กขี้แพ้  เก็บกด  และมีปัญหากับครอบครัวเพื่อสังหารครอบครัวและตัวเด็กไปพร้อมๆกัน  แต่เรื่องก็ไม่ง่ายเมื่อการสืบลึกเข้าไปพบความเกี่ยวพันระหว่างคดีในอดีตที่มีผลต่อชีวิตของสายสืบโจ ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่คราวนี้เห็นชัดมากว่าไม่เรียบเนียสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือการเล่าเรื่องสานต่อจากจุดจบซีซันที่แล้วที่ลงตัว  และเห็นเป็นความฉลาดในการเล่าเรื่องในซีซันสองสามที่เป็นชิ้นเดียวกันแต่ถูกแบ่ง จึงกลายเป็นว่านี่คือการเดินทางเพียงก้าวที่สามเท่านั้นของเรื่องราวของคังควอนจู และการเล่าเรื่องครั้งนี้คือการสานต่อเรื่องราวได้อย่างน่าทึ่ง  เยี่ยมมากในการที่จะไม่ไปอ้างอิงจากซีซันแรกที่มาไกลแล้ว  และคนดูก็อาจไม่คิดไกลขนาดนั้นแต่ยังเก็บชิ้นส่วนมาใช้ได้อย่างดี  เพราะคนดูเดาไม่ออกว่าจะเล่าเรื่องแบบไหนเมื่อจุดสิ้นสุดในซีซันที่แล้วออกมาหน้านั้น  แต่เมื่อคนเขียนบทยังมีไอเดียมีสารตั้งต้นดีก็เล่าต่อได้อย่างเนียนๆ  เพียงแต่เดาว่าการถ่ายทำในช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังในภาวะโรคระบาดยังไม่คลี่คลายเต็มที่ในตอนนั้น  ได้ส่งผลให้มองเห็นความไม่เนี้ยบในตัวงานต่างจากที่เคยเห็นมาอย่างชัดเจน ซึ่งต้องแยกให้ออกคือในความเป็น Voice ที่เล่าเรื่องของทีมโกลเดนไทม์ที่ต้องคลี่คลายคดีแข่งกับเวลานั้นคดีย่อยๆที่ถูกเล่ายังมีริ้วรอยการหาทางลงง่ายๆ  แม้จะเร้าใจแต่บางครั้งก็เล่าไปข้างหน้าแบบลืมเรื่องหลักไปเป็นเวลานาน  ทำให้เรื่องของตัวร้ายหลักที่เนี้ยบในการปิดซ่อนอย่างเหนือความคาดหมายยากต่อการคาดเดาและมีเรื่องซ้อนเรื่องที่แข็งแรงดีแล้วแต่บางช่วงกลับถูกหลงลืมไปเพราะเรื่องสองส่วนเชื่อมกันไม่ติด  อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของน้ำหนักของเหตุการณ์เหตุและผลของการทำหรือไม่ทำดูเป็นแผลตั้งแต่ต้นจนจบ  การปล่อยทิ้งตัวละครบางตัวไปจนเห็นว่าบทหรือโครงเรื่องก็แน่น  แต่ข้อจำกัดทางด้านเวลาในภาวะโรคระบาดอย่างที่ว่าทำให้การลงรายละเอียดไม่สมบูรณ์  แต่กระนั้นสิ่งที่เป็นคือความเร้าใจและพลังยังแรงสูงในการเดินเรื่องเช่นเดิม  เพราะไม่ว่ายังไงความเป็น Voice ก็คือการเล่นกับเวลาที่ทำให้คนดูตื่นเต้นเร้าใจ แต่ก็ยังมีบ้างที่มีความนวยนาดให้เห็นแต่ก็ไม่ถึงกับน่าเบื่อแค่อาจยังไม่บีบหัวใจจนหยุดดูไม่ได้เหมือนสามซีซันที่ผ่านมาที่ต้องยอมรับว่าคนดูหลายคนดูกันแบบเอาเป็นเอาตาย  แต่พอมาซีซันนี้กลับดูได้สบายๆหยุดดูแล้วมาดูใหม่ก็ไม่ได้สร้างความหงุดหงิด  ทั้งนี้เพราะมีสิ่งที่หายไปเลยที่กลายมาเป็นความต่างนั่นคืออารมณ์หลอน  ความรู้สึกเสียวสันหลังกับบรรยากาศ  ความโหดและความจิตของฆาตกร  และความกล้าทำร้ายจิตใจคนดูในการกำจัดตัวละครหลักที่ทำให้เจ็บปวด  แต่ซีซันนี้ไม่ได้มีครบอย่างที่เป็นกลายเป็นงานสืบสวนที่ดูสนุก  ยังคงมีความเป็น Voice และยังคงฉลาดในการสร้างทางไปต่อที่คงจะยังไม่ถึงทางตันง่ายๆ  แต่คราวนี้มันไม่เนี้ยบอย่างที่เคยเท่านั้น ตัวร้ายที่น่าประทับใจจนกลายเป็นสัญลักษณ์ในทุกเรื่องที่เล่า สิ่งที่ Voice เป็นและเยี่ยมมาตลอดคือการมีตัวร้ายที่น่าประทับใจ  ซึ่งการเลือกเล่าเรื่องในแต่ละเรื่องนั้นพื้นฐานตัวละครมักจะแข็งแรงและมีแบ็คที่แข็งไว้ให้ต่อกรยาก  ที่เหมือนกระชากหน้ากากสังคม VVIP ที่คงมีในสังคมบ้านเขา  เมื่อความรวยจน  ชื่อเสียง อ่านต่อ

รีวิวซีรีย์ล่าเสียงมรณะซีซั่น2 VOICE 2018

ถ้าเลือกได้ดูไปบ่นไปจะดูหนังและซีรีส์ทาง NETFLIX เป็นอันดับแรกด้วยความเสถียรและลื่นกว่าทุกแอปที่มีรวมถึง viu ที่มีข้อจำกัดที่ความคมชัดของภาพยังไม่เท่าไม่ค่อยเสถียร แต่ทั้งนี้ก็ยอมรับอย่างหนึ่งว่าซีรีส์หรือหนังทาง NETFLIX (โดยเฉพาะของเกาหลี) หากไม่ใช่งานตีตรา Original จะค่อนข้างช้า  แอป viu เลยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับซีรีส์ที่ผู้เขียนรอไม่ไหว  แล้วเมื่อตอนนั้นการรอคอยการมาของซีซันที่สองของซีรีส์ในตำนานที่ทั้งหลอนทั้งระทึกดิ่งลึกทางอารมณ์อย่าง Voice คืออาการใจจดใจจ่อ  และแน่นอนว่าปาดหน้าไปลงจอทาง viu ก่อนด้วยผลลัพธ์ที่ระทึกในแบบที่ดูกันยาวๆ  กับงานที่สานต่อความระทึกอารมณ์คุกรุ่นจากเกาหลีที่คราวนี้ไม่มีจางฮยอก รีวิว ล่าเสียงมรณะซีซั่น2 VOICE เปิดหัวที่เหตุการณ์ฆาตกรรมโหดที่มีความเกี่ยวพันกับสายสืบโดคังอู (อีจินอุค) ที่เผยให้เห็นปมในใจแบบรางๆให้น่าสงสัย  ต่อมาเหตุฆาตกรรมอำพรางหัวหน้าทีมปฏิบัติการของหน่วยโกลเด้นไทม์ทำให้เจ้าหน้าที่คังควอนจู (อีฮานา) ที่คราวนี้เป็น ผอ.ศูนย์ เกิดความเคลือบแคลงจึงเข้ามาสืบสวนร่วมกับสายสืบโดคังอูโดยไม่สนว่าสายสืบโดจะมีความน่าระแวงในพฤติกรรมถึงกับตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมสายสืบ  แล้วกลายเป็นว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นก็เกี่ยวพันกับสายสืบโดคังอู ถ้านั่นยังไม่แย่พอเมื่อเป้าหมายการล่าของฆาตกรโรคจิตคือเจ้าหน้าที่ในทีมโกลเด้นไทม์เอง  เมื่ออันตรายคืบคลานเข้าใกล้ทีมมากขึ้นผอ.คังควอนจูจึงไม่มีทางเลือกที่จะเชื่อใจโดคังอูเพื่อเผยโฉมฆาตกรตัวจริงที่อาจเป็นใครก็ได้แม้กระทั่งโดคังอูเอง  เมื่อฆาตกรโรคจิตทำงานอย่างไม่มีช่องโหว่ประสาทสัมผัสทางการฟังที่เหนือมนุษย์ของคังควอนจูจะไขคดีได้อย่างไร เปิดหัวที่เหตุการณ์ฆาตกรรมโหดที่มีความเกี่ยวพันกับสายสืบโดคังอู (อีจินอุค) ที่เผยให้เห็นปมในใจแบบรางๆให้น่าสงสัย  ต่อมาเหตุฆาตกรรมอำพรางหัวหน้าทีมปฏิบัติการของหน่วยโกลเด้นไทม์ทำให้เจ้าหน้าที่คังควอนจู (อีฮานา) ที่คราวนี้เป็น ผอ.ศูนย์ เกิดความเคลือบแคลงจึงเข้ามาสืบสวนร่วมกับสายสืบโดคังอูโดยไม่สนว่าสายสืบโดจะมีความน่าระแวงในพฤติกรรมถึงกับตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมสายสืบ  แล้วกลายเป็นว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นก็เกี่ยวพันกับสายสืบโดคังอู ถ้านั่นยังไม่แย่พอเมื่อเป้าหมายการล่าของฆาตกรโรคจิตคือเจ้าหน้าที่ในทีมโกลเด้นไทม์เอง  เมื่ออันตรายคืบคลานเข้าใกล้ทีมมากขึ้นผอ.คังควอนจูจึงไม่มีทางเลือกที่จะเชื่อใจโดคังอูเพื่อเผยโฉมฆาตกรตัวจริงที่อาจเป็นใครก็ได้แม้กระทั่งโดคังอูเอง  เมื่อฆาตกรโรคจิตทำงานอย่างไม่มีช่องโหว่ประสาทสัมผัสทางการฟังที่เหนือมนุษย์ของคังควอนจูจะไขคดีได้อย่างไร เปิดหัวที่เหตุการณ์ฆาตกรรมโหดที่มีความเกี่ยวพันกับสายสืบโดคังอู (อีจินอุค) ที่เผยให้เห็นปมในใจแบบรางๆให้น่าสงสัย  ต่อมาเหตุฆาตกรรมอำพรางหัวหน้าทีมปฏิบัติการของหน่วยโกลเด้นไทม์ทำให้เจ้าหน้าที่คังควอนจู (อีฮานา) ที่คราวนี้เป็น ผอ.ศูนย์ เกิดความเคลือบแคลงจึงเข้ามาสืบสวนร่วมกับสายสืบโดคังอูโดยไม่สนว่าสายสืบโดจะมีความน่าระแวงในพฤติกรรมถึงกับตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมสายสืบ  แล้วกลายเป็นว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมนั้นก็เกี่ยวพันกับสายสืบโดคังอู ถ้านั่นยังไม่แย่พอเมื่อเป้าหมายการล่าของฆาตกรโรคจิตคือเจ้าหน้าที่ในทีมโกลเด้นไทม์เอง  เมื่ออันตรายคืบคลานเข้าใกล้ทีมมากขึ้นผอ.คังควอนจูจึงไม่มีทางเลือกที่จะเชื่อใจโดคังอูเพื่อเผยโฉมฆาตกรตัวจริงที่อาจเป็นใครก็ได้แม้กระทั่งโดคังอูเอง  เมื่อฆาตกรโรคจิตทำงานอย่างไม่มีช่องโหว่ประสาทสัมผัสทางการฟังที่เหนือมนุษย์ของคังควอนจูจะไขคดีได้อย่างไร แต่แม้บทจะมีรอยรั่วบ้างแต่ความเป็น Voice ที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่ระทึกยังคงทำงานได้ผล ทุกคดีที่ทีมโกลเด้นไทม์ไขคือลุ้นแข่งกับเวลานาทีต่อนาทีที่ยังเร้าใจแม้ว่าในบางคดีก็หาทางออกง่ายไปและบางคดีก็ไม่ได้เสริมส่งเรื่องหลัก  ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าทีมโกลเด้นไทม์ถูกก่อตั้งมานานพอควรเลยทำให้การทำงานลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ  และสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์คือตัวฆาตกรโรคจิตที่ฉลาดและซ่อนความร้ายไว้ใต้รูปลักษณ์ภายนอกได้เนียน  ประกอบกับชั้นเชิงการหลอกล่อคนดูให้หลงไปตามที่บทขุดหลุมพรางไว้ด้วยอารมณ์ไม่เชื่อใจใครได้สักคนยกเว้นคังควอนจูและลูกทีมที่นั่งในสำนักงาน  บทยังคงชี้นำคนดูให้คิดและคาดเดาแล้วหักมุมหักหลังครั้งแล้วครั้งเล่าตามสไตล์  และถ้านั่นยังไม่สาแก่ใจตัวเอกอย่างโดคังอูก็มีพื้นหลังให้น่าสงสัยทำให้เรื่องราวทั้งหมดจัดว่าดี  สนุก  ระทึกขาดแค่อารมณ์อึดอัดและหลอนๆในบรรยากาศเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องชมอีกอย่างของบทคือการไม่รอที่จะเปิดเผยตัวร้ายเพื่อที่จะเล่นประเด็นใหม่ เช่นกันกับซีซันแรกที่เมื่อคนดูรอมานานและเริ่มล้ากับความรู้สึกก็ไม่รีรอที่จะเปิดตัวคนร้าย  ทั้งนี้เมื่อเปิดตัวแล้วกลับส่งผลให้อารมณ์คนดูที่เริ่มล้าและหย่อนลงกลับขมึงตึงขึ้นด้วยการล่อหลอกของคนร้ายกับตำรวจ  และเหมือนกับเป็นลูกล่อลูกชนระหว่างบทกับคนดูที่ได้ผล  แต่ก็ยังดูเหมือนหาทางลงง่ายๆในบทสรุปเมื่อตัวร้ายคล้ายกับตายน้ำตื้นแล้วจบแบบค้างคาเพื่อให้มีต่อมาในซีซันสาม  และโดยรวมของซีซันนี้ถ้าว่ากันที่ภาพรวมและดีกรีความระทึกก็จัดว่าอยู่ในระดับเอาดีได้แม้จะไม่สมบูรณ์แบบเมื่อเทียบกับซีซันแรก  ถ้าวัดเป็นกราฟเส้นกราฟของซีซันแรกจะสูงขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบแต่ซีซั่นนี้เริ่มต้นที่สูงแล้วหย่อนลงตอนกลางและกับพุ่งสูงขึ้นเมื่อเปิดหน้าไพ่สำคัญซึ่งยังจัดว่าน่าพอใจ ข้อมูลเกี่ยกับซีรีย์ ล่าเสียงมรณะซีซั่น2 VOICE ประเภท     แอคชั่น  อาชญากรรม ความลึกลับ ความยาว อ่านต่อ

รีวิวซีรีย์ ล่าเสียงมรณะซีซั่น1 Voice 2017

เมื่อครั้งที่ดูไปบ่นไปได้ดูเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ระทึก  ติดหนึบ  และต้องติดตาม  กับซีรี่ส์เกาหลีแนวทริลเลอร์สืบสวนสอบสวนซับซ้อนซ่อนเงื่อนตามแบบฉบับ  ที่มีดีขนาดที่มีการสร้างเวอร์ชั่นไทยฉายทาง True Visions  ย้อนกลับมาเมื่อตอนที่ผู้เขียนได้ดูเรื่องนี้ที่ตอนนั้นก็ได้ผ่านตาซีรีส์เกาหลีแนวๆนี้มาพอสมควร  แต่ฉับพลันที่ได้สัมผัสความดิ่งลึกที่กดอารมณ์คนดูตั้งแต่ตอนแรกอย่างทรงพลัง ตามมาด้วยความโหดและคดีที่ยากผ่านการใช้ความสามารถพิเศษของตัวเอกที่เอาตามจริงถ้าว่ากันที่การเดินเรื่องและภาพรวมก็ยังเป็นไปตามทิศทางของซีรีส์แนวนี้  แต่สิ่งที่ทำให้เป็นความต่างคือเรื่องของอารมณ์ซึ่งผู้เขียนที่เป็นคอเกาหลีคงไม่ก้าวล่วงไปที่เวอร์ชั่นไทยแต่คงจะว่ากันที่ความดีงามของต้นฉบับล้วนๆที่ทำให้กลายมาเป็นตำนาน รีวิว ล่าเสียงมรณะซีซั่น1 Voice 2017 คังควอนจู (อีฮานา) ตำรวจหญิงที่ประสาทสัมผัสทางการได้ยินเหนือมนุษย์ที่ทำหน้าที่รับเรื่องราวแจ้งเหตุทางศูนย์รับแจ้งเหตุ  เมื่อความผิดพลาดทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อฆาตกรรมได้แล้วเหยื่อยังเป็นภรรยาของนายตำรวจมือปราบมูจินฮยอก (จางฮยอก) แต่ท้ายที่สุดคนร้ายตัวจริงกลับลอยนวลไปทิ้งให้ตำรวจหญิงกับนายตำรวจมีปมในใจ  สามปีให้หลังทั้งคู่ต้องมาร่วมมือกันในทีมช่วยเหลือเฉพาะกิจโกลเด้นไทม์ที่จะออกไปให้ความช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว  หลายคดีผ่านไปเหมือนกับไม่มีอะไรแต่เบื้องลึกกลับมีความเกี่ยวข้องกัน  และนำไปสู่เรื่องราวน่าสะพรึงเมื่อเริ่มมีคดีที่มาเกี่ยวพันกับคดีที่ติดค้างในใจมูจินฮยอก เมื่อการสืบสวนเริ่มเข้าใกล้ฆาตกรตัวจริงที่สังหารภรรยามูจินฮยอกอย่างสุดโหด  แต่ฆาตกรรายนี้ก็ตึงมือยิ่งและมีความเป็นไปได้ว่ามูจินฮยอกจะใช้อารมณ์ในการสืบคดีแล้วคังควอนจูจะทำเช่นไร เหตุที่ทำให้เรื่องนี้กลายมาเป็นตำนานคือความแน่นหนาของบทละครที่คล้ายถักร่างแหด้วยฝีมืออันประนีต บทยังคงเสนอการหักเหลี่ยม  เชือดเฉือน  หักมุม  คิดไม่ถึง อึ้งแล้วอึ้งเล่าตามแบบฉบับของซีรี่ส์เกาหลีแนวนี้ที่เข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบ  สิ่งที่ควรมีก็มีหมดทั้งประเด็นทางชนชั้น  บริบททางสังคม  ความฉ้อฉลของผู้มีอำนาจที่มักได้เห็นในซีรี่ส์ชวนระทึก  และเมื่อถึงตอนท้ายเมื่อคนร้ายได้รับผลกรรมคนดูก็สาแก่ใจและมันคือเสน่ห์ของซีรี่ส์เกาหลีเสมอมา  และทุกสิ่งที่ว่ามานั้นถูกเล่าไม่มีช่องให้เดาทางได้หรือเดาได้ก็จะมีจุดพลิกจุดเปลี่ยนให้หลง  ด้วยการเอาเรื่องเก่าๆที่ว่ามามาใช้อย่างได้ผลจากการวางตัวร้ายให้เป็นปีศาจเต็มที่ที่ฉลาดเป็นกรด  การซ่อนและล่อหลอกคนดูอย่างมิดชิดซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการสร้างมิติตัวร้ายที่ลึกและซับซ้อนทางจิตที่แปลกไปหรือไม่  เพราะลองนึกดูเรื่องอื่นๆในตอนนั้นก็มองไม่เห็นตัวร้ายที่เนี้ยบๆแบบนี้ที่คนดูทั้งสงสัยว่าเป็นใครและรังเกียจสุดใจเมื่อได้รู้ ส่วนตำรวจก็มีที่ขาวไปเลยคือคังควอนจูแต่มูจินฮยอกนั้นได้ถูกความแค้นผลักให้ไปอยู่ที่สีเทาและพร้อมจะเป็นปีศาจได้ทุกเมื่อ  แต่นั่นคือการขีดเส้นแบ่งทางหัวใจเพราะคนดูจะเลือกเทใจให้คังควอนจูและความสงสารเห็นใจมูจินฮยอก และด้วยความที่ตัวร้ายฉลาดและอยู่ในที่มืดแถมยังไม่สนกฎเกณฑ์ใดทำให้ฝ่ายตำรวจดูเหมือนตามหลังอยู่หนึ่งก้าวทุกที  แล้วมันยิ่งเร้าใจเพราะคนดูต้องการรางวัลบ้างแต่เมื่อมีอะไรจะให้คนดูสมใจก็กลับกลายเป็นโดนหลอกล่อไปทุกครั้ง  มันจึงสร้างความน่าติดตามอย่างหนักผ่านความเหนือชั้นเข้มข้น  เรื่องราวที่ซ่อนเงื่อนซ่อนปมไว้อย่างมิดชิดเฉลยทีถึงกับอ้าปากค้าง   ประกอบกับชั้นเชิงในการเล่าเรื่องตามขนบซีรี่ส์เกาหลีที่ใครก็อย่าหลวมตัวถ้าไม่อยากติดงอมแงม  ทำให้กลายเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซเรื่องหนึ่งด้วยงานด้านบทที่ไร้ที่ติ แต่สิ่งที่ต่างไปจากซีรีส์แนวนี้ทั่วไปคืองานด้านภาพ  แสง  เงาอันส่งผลต่ออารมณ์คนดู ด้วยการจัดเต็มความโหดจนบางครั้งคนขวัญอ่อนอาจมีเบือนหน้าหนี  ภาพเลือดที่กระจัดกระจาย  การกระทำต่อเหยื่อที่โหดร้ายเกินมนุษย์แต่กระนั้นก็สร้างความชอบธรรมด้วยมิติของตัวร้ายที่ได้วางไว้อย่างเนียนๆ  ประกอบกับฉากที่ดูชื้นแฉะเหมือนเปียกเปื้อนคราบเลือด  ความมืดทึมของแสง  มุมกล้องและการตัดต่อที่เหมือนกับใช้เทคนิคของงานสยองขวัญดีๆมาใส่ทำให้มีอารมณ์หลอนไม่น่าไว้ใจในสถานที่  และเมื่อตัวเอกมีความสามารถทางการได้ยินเหนือมนุษย์ความเงียบเพื่อจับเสียงเพียงเล็กน้อยจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ได้ผล  เมือคนดูแทบกลั้นหายใจเพราะกลัวไปรบกวนการได้ยินของคังควอนจู ซึ่งทั้งหมดเหล่านั้นมันคือการกดอารมณ์คนดูให้ดิ่ง อ่านต่อ

รีวิว ซีรีย์ล่าเสียงมรณะซีซั่น3 VOICE 2019

ถ้าได้ดู Voice มาทั้งสองซีซันโดยเฉพาะซีซันที่แล้วที่ทิ้งท้ายไว้อย่างเป็นปริศนาน่าติดตามว่าซีซันสามจะเขียนบทกลับมายังไง  และเป็นธรรมดาหรือว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Voice ที่พอเริ่มก็จะเดินไปข้างหน้าเต็มสูบซึ่งคนที่เคยดูจะทราบดีในซีซันแรกจัดว่าเป็นงานระดับมาสเตอร์พีซ พอมาซีซันสองพลังอาจลดลงบ้างแต่ความระทึกยังมาเต็มและการปกปิดเงื่อนปมเพื่อสับขาหลอกคนดูยังมิดชิดและได้ผล  ก่อนที่จะทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสงสัยชนิดที่ถ้าไม่มีให้ดูแบบต่อเนื่องอาจมีหงุดหงิด  และการกลับมาในซีซันสามคือการสานต่อเรื่องราวจากซีซันสองที่ทิ้งท้ายไว้และกับปมประเด็นที่เล่าไว้ที่จะมาเฉลยกันในซีซันนี้ที่พยายามเล่นใหญ่ขึ้น  ซับซ้อนขึ้น  แต่พลังมันกลับลดลงอย่างน่าเสียดาย รีวิว ซีรีย์ล่าเสียงมรณะซีซั่น3 VOICE แปดเดือนให้หลังจากการไขคดีฆาตกรต่อเนื่องบังเจซูพร้อมกับอาการบาดเจ็บของผอ.คังควอนจู (อีฮานา) ที่ต้องทำกายภาพบำบัดและมีอาการผิดปกติที่หู  ส่วนหัวหน้าโดคังอู (อีจินอุค) หายตัวไป  จนเมื่อมีเหตุการณ์ฆาตกรรมอย่างสยดสยองที่ญี่ปุ่นแล้วหลักฐานไปพัวพันกับโดคังอูและเขาถูกตำรวจญี่ปุ่นจับ  ทีมโกลเดนไทม์จึงต้องเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อพาเขากลับมา  แต่เมื่อไปถึงก็มีคดีลักพาตัวนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ในทีมโกลเดนไทม์เอง  การไขคดีโดยใช้ความสามารถในการฟังของคังควอนจูโดยการร่วมมือของโดคังอูจึงสำเร็จแต่ก็เผยบางอย่างเกี่ยวกับโดคังอูที่ชวนสงสัย  เมื่อคดีแรกเริ่มต้นแล้วยังเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวเบื้องหลังของฆาตกรคนก่อนที่อยู่ในคุกการสืบคดีและสานต่อเรื่องราวก็เริ่มขึ้นบนความระทึกตื่นเต้นให้ได้ลุ้นได้ติดตามกันในทุกตอน แต่สิ่งที่ขาดหายไปตั้งแต่ซีซันที่แล้วก็ยังไม่กลับมาเรื่องความหลอน ถ้านั่นยังไม่หนำใจสิ่งที่ตกลงมาอีกคืออารมณ์ไม่ไว้วางใจใครได้ที่คราวนี้หายไปเลยเพราะทุกอย่างชี้ทางไปทางโดคังอูคนเดียวทำให้มิติของเรื่องหย่อนลงเพียงแต่ยังดูสนุกเข้าขั้น  แต่สิ่งที่เห็นว่าพยายามใส่มาในซีซันนี้คือการพยายามเล่นใหญ่ขึ้น  สเกลของเรื่องที่ใหญ่ขึ้น  บทที่พยายามซับซ้อนขึ้นซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งเพียงแต่มันไม่สุด  การพยายามเชื่อมต่อหรือสานต่อ  ไม่สิ  มันคือเรื่องเดียวกันแต่แบ่งการเล่าเรื่องออกมาให้ได้สองซีซันมากกว่า  เพราะมันคือเรื่องเดียวกันแต่การพยายามซับซ้อนในเบื้องหลังมันไปลดทอนความน่าเชื่อถือที่พยายามสร้างมาในซีซันที่แล้ว เพราะซีซันที่แล้วการพยายามซ่อนปมเรื่องเบื้องหลังของบังเจซูถือว่ามิดชิด แต่บางครั้งการปิดไว้มิดจนเกินไปก็ไม่เป็นผลดีเพราะมันทำให้พอมาซีซันนี้กลายเป็นมาแบบลอยๆในเรื่องของด็อกเตอร์ฟาเบรในซีซันที่แล้วกับอ๊อคชั่นฟาเบรในดาร์กเว็ปในซีซันนี้เพราะดูเหมือนวัตถุประสงค์จะไม่เชื่อมโยงกัน  อีกส่วนหนึ่งที่ความพยายามซับซ้อนดึงเรื่องราวให้ดร็อปลงคือเรื่องของเทคโนโลยีไอทีที่เข้าใจยาก  ภาษาที่คนดูไม่คุ้นหูผู้ชมบางคนเลยไม่อิน (เช่นคนในวัยผู้เขียนนี่เอง) เพราะไม่เข้าใจในเบื้องหลังอย่างถ่องแท้  ซึ่งนั่นคือพื้นฐานที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวละครฆาตกรโรคจิต  และการที่คนดูรูสึกว่าเชื่อมต่อกันไม่ติดอารมณ์จะดร็อปลงในความน่าเชื่อถือและแรงจูงใจ แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมและยังคงทำหน้าที่ได้ดีคือบทในส่วนของเรื่องหลักและความเป็นเอกลักษณ์และความเป็น Voice ที่แม้การเดินเรื่องในส่วนของเรื่องหลักจะเป็นเส้นเรื่องเดียวกันแต่บทกลับทำหน้าที่ได้อย่างได้ผลในเรื่องของความระทึก  ความตื่นเต้นของการที่ต้องแข่งกับเวลา  เงื่อนปมที่ต้องปิดบังอย่างมิดชิด  ความเป็น Voice ที่จะมีในส่วนของการสืบหาตัวฆาตกรที่มอบความระทึกตื่นเต้นสงสัย  แล้วเมื่อถึงเวลาก็ไม่รีรอที่จะเปิดตัวฆาตกรให้เห็นกันแล้วไปเล่นกับอารมณ์คนดูเรื่องของการหลอกล่อ  การเอาล่อเอาเถิดของฆาตกรกับตำรวจ และคนดูลุ้นว่าจะจับฆาตกรได้ยังไงหรือบทสรุปมันจะไปทางไหน  อีกอย่างคือฆาตกรของ Voice ทุกคนตั้งแต่ซีซันแรกคือคนที่ไม่น่าจะเป็นฆาตกร  การปกปิดตัวตนต้องเนี้ยบและฉลาด  เพียงแต่ในสองซีซันหลังพยายามขายความโหดมากไปเลยดูล้นไม่เหมือนกับซีซันแรกที่ยังมองเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวฆาตกรโรคจิต อีกสิ่งหนึ่งที่ Voice สัตย์ซื่อเสมอมาคือการไม่รีรอที่จะทำร้ายจิตใจคนดู ที่เป็นเสมอมาใน Voice คือการเลือกไม่ถนอมน้ำใจคนดูในบางเรื่องบางประเด็นซึ่งมันส่งผลให้อารมณ์คนดูอาจหดหู่แต่ได้ผลในการเรียกอารมณ์ร่วมซึ่งซีซันนี้ยังคงจัดเต็ม  เพราะการไม่ถนอมน้ำใจคนดูตอนนั้นมันสร้างอารมณ์ส่วนลึกของคนดูให้กลายเป็นปีศาจที่อยากจัดการฆาตกรอย่างสาสมและคนดูก็สาแก่ใจในตอนจบมาตั้งแต่ซีซันแรก  และสิ่งที่ผู้เขียนยังยืนยันเสมอมาคือตัวละครคังควอนจูและการแสดงของอีฮานาที่มองว่าคงไม่มีใครเหมาะกับบทนี้เท่าเธอแล้ว  ยิ่งในซีซันนี้บทพยายามใส่มิติของเรื่องการบาดเจ็บทางหูให้เธอได้แสดงออกทางอารมณ์แต่เมื่อถึงเวลากลับหาทางออกแบบง่ายๆอย่างน่าเสียดาย  แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นในสถานการณ์ในเรื่องที่อึดอัดและต้องพบเจอหรือตัดสินใจในเรื่องโหดหินหรือแม้กระทั่งความไว้ใจอีฮานาเอาอยู่เช่นเคย ซึ่งผู้เขียนดูอีฮานาเล่นเป็นคังควอนจูมาสามซีซันแล้วรู้สึกสงสาร เพราะด้วยส่วนสูงของเธอทำให้ไม่ได้เห็นเธอเดินหรือยืดอกอย่างสง่าผ่าเผย  กลายเป็นต้องค้อมหลังห่อใหล่เพราะไม่เช่นนั้นเธอจะดูสูงกว่าดาราชายหลายๆคนและถ้าสังเกตดีๆจะเห็นมุมกล้องที่ทำให้ส่วนสูงของเธอไม่ข่มคนอื่น อ่านต่อ

“Classic Again”

“Classic Again” จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ Classic Again จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษ ชวนคุณมาซาบซึ้งกับเรื่องราวความรัก 2 กาลเวลา ที่ตรึงอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืมเลือน ของ โบต้า สาวมหาลัยวัยใส ที่แอบหลงรัก นน ชายหนุ่มหน้าตาดีในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เธอไม่อาจบอกความในใจครั้งนี้กับเขาได้เพราะเพื่อนสนิทของเธอก็ชอบผู้ชายคนนี้เช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ค้นพบกล่องลับของคุณแม่ ที่บรรจุแน่นไปด้วยจดหมายรักของแม่เธอในสมัยยังสาว และวันนั้นเองเธอจึงได้รับรู้เรื่องราวความรักครั้งแรกของแม่กับ ขจร ชายหนุ่มในความทรงจำ เรื่องราวความรักของคนทั้งสองยุคสมัยจะลงเอยอย่างไร เรื่องราวจะโรแมนติกน่าประทับใจขนาดไหน มาร่วมเปิดกล่องความทรงจำกับรักครั้งแรก พร้อมเติมเต็มทุกหัวใจให้พองโตไปพร้อมกัน เรื่อง “Classic Again” จดหมาย สายฝน ร่มวิเศษประเภท โรแมนติกกำกับโดย ธัชพงศ์ ศุภศรีนักแสดง นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณมิ้นท์ รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตรจี๋ สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตรอ่านต่อ

จีดีเอช เปิดตัวภาพยนตร์ “ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” ภาพยนตร์รัก สำหรับคนอยากทิ้ง แต่ไม่อยากตัดใจ ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ “เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ที่ได้นางเอกสุดฮอต “ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง” ร่วมแสดงกับพระเอกมากฝีมือ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์”อ่านต่อ

หนัง Freelance หรือชื่อไทยว่า ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ยุ่น (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชายวัย 30 คือฟรีแลนซ์มือรีทัชรูป ที่งานยุ่งที่สุดในประเทศไทย ความสุขของฟรีแลนซ์อย่างยุ่น นอกจากการได้เห็นงานเต็มปฏิทิน ไม่เว้นวัน เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการก็คือ งานเร่ง งานด่วน งานที่ลูกค้าแก้ไม่รู้จบ มันเป็นความท้าทายที่นักรบมืออาชีพแบบเขาต้องทำให้ได้ โดยไม่มัวไปเสียเวลาด่าลูกค้า จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม เจ๋ (วิโอเลต วอเทียร์) โปรดิวเซอร์รุ่นน้องจากเอเจนซี่โฆษณาถึงจ่ายงานให้เขาทำอย่างสม่ำเสมอ จนเต็มปฏิทินล่วงหน้าไปหลายเดือน ทุกครั้งที่เจ๋โทร.มา ยุ่นจะรู้ว่า ความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่มีลูกค้าอยู่รายหนึ่งที่ ฟรีแลนซ์อย่างเขา ไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นคือ ร่างกายของเขาเองหลังจากผ่านการอดนอน 5 คืนติดเพื่อทำงานชิ้นหนึ่ง ยุ่นเริ่มมีผื่นแดงๆ ขึ้นตามตัว ร่างกายบังคับให้เขาไปโรงพยาบาล เขาไม่อยากไปเลยเพราะเสียเวลาทำงาน ร่างกายเลยแจกผื่นให้ลามใส่ตัวเขามากขึ้นแม่งเลย เขาจึงต้องเดินทางไปโรงพยาบาลรัฐ (ด้วยความงก ก็ฟรีแลนซ์ต้องรู้จักเซฟเงินเพื่ออนาคตที่ไม่มั่นคง) ที่นั่นเขาได้เจอกับลูกค้าอีกคน คืออ่านต่อ

เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหม ว่าทำไมเราถึง ‘โสด’บางคนโสดเพราะขี้บ่น บางคนโสดเพราะเจ้าชู้ บางคนโสดเพราะอินดี้!!ต่กับ หลิน (พลอย พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) เธอโสดเพราะ “เห็นผี” เมื่อหัวใจโดนเทก็เลยเซไปหาทางเยียวยา…“เริ่มที่ไหนจบที่นั่น” นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ “หลิน” ขอลุยเดี่ยวจัดทริปรักษาแผลใจ ณ กิ่วแม่ปาน จนได้เจอกับ “พุธ” (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักเขียนบทไอเดียตัน ที่ทั้งรักคุด-งานสะดุดจนต้องออกมาหาแรงบันดาลใจเพื่อโปรเจกต์หนังผีเรื่องใหม่ของเขา ที่จำเป็นต้องใช้ “คนเห็นผี” มาช่วย การผจญภัยในช่วงชีวิตโลว์ ๆ ของทั้งสองจึงเริ่มขึ้น กลางบรรยากาศหุบเขาในโฮมสเตย์รวมพลคน “เพิ่งโสด” แบบไม่ได้นัดหมาย ทั้ง นุ่น (ศกลรัตน์ วรอุไร), วิทยา (ณฉัตร จันทพันธ์), พี่อ้อม (ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์), พี่โอม (อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ) ที่พวกเขาจะขอมาเปลี่ยนช่วงฤดูโลว์ให้กลายเป็นฤดูเรา จะเปลี่ยนความเศร้าให้กลายเป็นความรัก…เตรียมกระเป๋าให้พร้อมแล้วออกเดินทางไปพัก (ใจ) ด้วยกัน ตัวอย่าง:Lowอ่านต่อ

ภาพยนตร์จะบอกเล่าเรื่องราวของคู่รัก 5 คู่ ซึ่งมีพล็อตเรื่องและสไตล์การเล่าเรื่องที่แตกต่างกันไป ไล่เรียงตั้งแต่ไรเดอร์หนุ่มที่ต้องการเอาชนะนักบิดสาวปริศนาที่เขาเจอเป็นประจำ, พนักงานร้านสะดวกซื้อที่ดันไปตกหลุมรักนางพยาบาลสาว แต่เธอกลับกำลังแอบชอบทันตแพทย์สุดหล่อซะอย่างนั้น, เด็กหนุ่มมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่ดันชอบเพื่อนสาวข้างบ้าน แต่เธอกลับได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ การันตีความอบอุ่นจนใจฟูโดย 10 นักแสดงนำมากฝีมือที่จะมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว ประกอบด้วย พีช-พชร จิราธิวัฒน์, มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร, นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต, เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา, เพียว-เพียวรินทร์ กอศิริวลานนท์, ทิกเกอร์-อชิระ ปานพุ่ม, ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์, ปั๋น-ดริสา การพจน์ (ปั๋น Riety), ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ และ ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล “ดังนั้นโจทย์ของเราจึงเป็นการทำอย่างไรก็ได้ให้คนดูรู้สึกใจฟู ใน 5 เรื่องนี้อย่างน้อยคุณต้องชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อินกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผมรู้สึกว่าอันนี้โอเคแล้ว แต่ถ้าคุณชอบทั้ง 5 เรื่องเราก็รู้สึกว่าเป็นกำไร และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือคนดูดูแล้วอิ่มเอมใจ ดูแล้วมีความสุขออกไป นี่คือโจทย์ของเรา” มาร่วมติดตามเรื่องราวความรักของคนอ่านต่อ

นับเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก สำหรับการตั้งคำถาม ในภาพยนตร์ Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ของผู้กำกับ ที่มีสไตล์เอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ไทย อย่าง เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ โดย หนัง Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ ได้นักแสดงระดับ A-List อย่าง ญาญ่า อุรัสยา มาประกบกับ นัท ณัฏฐ์ กิจจริต พระเอกที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองในฝีมือการแสดงซึ่ง ฉายแสงความเฉียบมาหลายต่อหลายเรื่องแล้ว อาทิ ในหนัง อาชีวะยุค 90s ในเรื่อง 4Kings เรื่องย่อ หนัง Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธออ่านต่อ