รีวิวหนัง "The Boogeyman เดอะ บูกี้แมน" ผีหลอนไม่มาก แค่อยากซื้อไฟไปติดให้เพิ่ม

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในตำนานผีปรำปราของฝั่งอเมริกา ที่เราอาจจะเคยได้ยินได้สัมผัสกับมาบ้าง เพราะที่มันดังได้ก็มาจากเจ้าพ่อนิยายสยอง “สตีเวน คิง” นำมาร้อยเรียงสร้างเป็นเรื่องราวให้ชวนหลอน กลายออกมาเป็น “The Boogeyman” ที่ฉบับนี้อิงมาจากงานเขียนสุดคลาสสิกโดยเฉพาะ ที่จะมาเบิกทางตำนานผีตู้เสื้อผ้าที่ฝรั่งกลัวหนักหนา แต่ความหลอนเฮี้ยน..จะทำได้ถึงขั้นนั้นหรือไม่? นี่คือเรื่องราวของ ซาดี้ ฮาร์เปอร์ นักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายและ ซอว์เยอร์ น้องสาวของเธอ ที่ยังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสียแม่อย่างกะทันหัน และไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ดีพอจาก วิล พ่อของพวกเขา ที่มีอาชีพเป็นนักจิตวิทยาบำบัด เพราะตัวเขาเองก็ยังคงรับมือกับความเจ็บปวดของตัวเองอยู่ วันหนึ่งมีผู้ป่วยสุดเวทนาโผล่มาที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แล้วผู้ป่วยคนนั้นก็ได้ทิ้งเรื่องราวเหนือธรรมชาติสุดสะพรึงที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาตกเป็นเหยื่อของเรื่องลี้ลับ อาจจะบอกได้หนังเรื่องนี้ก็เป็นตามสูตรสำเร็จของจำพวกหนังผีสุดสยอง ที่ใช้บริการผู้กำกับดาวรุ่งมาชิมลางถ่ายทอดความหลอนแบบเดิม ๆ ที่เราอาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว “ร็อบ ซาเวจ” ที่่ผ่านงานกำกับซีรีส์และหนังสยองทุนต่ำมาหลายเรื่อง เขารู้วิธีรับมือกับหนังเรื่องนี้ดี ด้วยการสร้างบรรยากาศชวนหลอนและสะพรึงกลัว อีกทั้งยังสามารถรักษาระดับงบประมาณของหนังเอาไว้ได้อย่างน่าพอใจทีมผู้บริหารเลยแหละ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันหรือไม่ แต่ตลอดระยะเวลาที่นั่งดู The Boogeyman เรื่องนี้ แอบรู้สึกและนึกถึงรสสัมผัสแบบที่เคยลิ้มลองมาแล้วในหนังดังแจ้งเกิดของผู้กำกับ เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก อย่าง “Lights Out” เมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่มาในโทนคล้าย ๆ กันอ่านต่อ

รีวิวหนัง "อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION"

เปิดประตูสู่ความสยองขวัญสั่นประสาทไปกับภาพยนตร์เรื่อง “อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION (อ๊กซู : สถานีผีดุ เดอะ โกสท สเตชั่น)” ร้อยเรียงเรื่องราวจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ก่อนนำมาสร้างเป็น WEBTOON โดยในภาพยนตร์ยังได้คว้าตัวผู้เขียนบทหนังสยองขวัญฝีมือดี ฮิโรชิ ทาคาฮาชิ มาเป็นผู้รังสรรค์เรื่องราว โดยมี จองยงกิ นั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งเนื้อหาที่จะพาคุณไขปริศนาที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว และยังสะท้อนมุมมองของอาชีพนักข่าวเข้ามาได้ดีพอสมควร ชวนขนลุกขนพองตลอดทั้งการรับชม เรื่องย่อ เรื่อง “อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION” เป็นเรื่องราวของ นายอง นักข่าวสาวผู้ต้องการทำข่าวให้ได้ผลตอบรับที่ดีตามเป้าหมายของหัวหน้า ทว่าเขากลับทำผิดพลาดจึงต้องหาข่าวใหม่มาทดแทน เขาได้ขอร้อง ชเวอูวอน เพื่อนของเขาที่เป็นพนักงานบริการสาธารณะที่สถานีอ๊กซูที่เพิ่งพบกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เธอจึงเข้ามาคลุกคลีกับเหตุการณ์ลึกลับบางอย่าง และเปิดโปงความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มต้นมาก็สามารถเรียกความน่าสะพรึงกลัวได้เป็นอย่างดี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สถานีอ๊กซู มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายก่อนจะย้อนเนื้อหากลับไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นเหตุการณ์ของทั้งหมด โดยมีนักข่าวสาว นายอง เป็นผู้ดำเนินเนื้อหาหลัก เมื่อเธอนั้นต้องแก้ไขข่าวที่ทำผิดพลาด และเพื่อยอดการเข้าชมข่าวในการหารายได้เพื่อใช้จ่ายในการฟ้องร้อง ทำให้เธอได้เข้าสู่เรื่องพิศวง เมื่อเพื่อนของเธอทั้ง 2 คนที่สถานีอ๊กซูอ่านต่อ

รีวิวหนังใหม่รุ่นใหญ่จัดเต็ม 80 for Brady

80 for Brady เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจสร้างมาจากเรื่องจริงของ 4 สาวรุ่นใหญ่ วัย 70 พลัส ที่พวกเธอเป็นเพื่อนรักและรักษามิตรภาพกันมาอย่างยาวนาน กับปัจจุบันที่พวกเธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟนทีมอเมริกันฟุตบอลระดับชาติ อย่าง New England Patriots ที่มีควอร์เตอร์แบ็กระดับ อย่าง ทอม เบรดี้ อยู่ในทีมนี้นั่นเอง และชีวิตของพวกเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อได้เห็นลีลาการเล่นในสนามของเขา จนกลายเป็นการขับเคลื่อนชีวิตสาวใหญ่ทั้งแก๊งได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของโปรดิวเซอร์หนังมือฉมัง “ไคล์ มาร์วิน” ที่เราอาจจะคุ้นเคยกับหนังที่เขาอำนวยการสร้าง อย่าง The Climb เมื่อไม่กี่ปีก่อน นี่จึงถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของเขามาก ๆ แม้ว่าจะยังไม่ใช่งานสร้างที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย เพราะโชคดีมาก ๆ ที่หนังยังมีองค์ประกอบอื่นที่พยายามประคับประคองทั้งเรื่องไปได้ตลอดรอดฝั่งได้เป็นอย่างดี ไม่ได้หวังพึ่งแค่งานกำกับเท่านั้น รีวิว แก๊งอาวุโส..ยังโอเคไปบุกสนามโล้ด! หนังได้ 2 นักเขียนฝีมือดี “ซาราห์ ฮาสกินส์” กับ “เอมิลี่ ฮาลเพิร์น” ที่เคยได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามอ่านต่อ

รีวิวหนัง "Assassin Club"

แน่นอนว่าหนังบู๊ไม่น่าจะมีวันตายไปจากแวดวงหนังได้ง่าย ๆ เพราะมันยังมีกิมมิกอะไรมากมายที่ดั้นด้นให้แตกหน่อออกผลผลิตใหม่ ๆ มาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าวัตถุดิบที่ประสบความสำเร็จได้ดีอยู่แล้ว จะถูกหยิบนำมาปรุงแต่งใหม่เป็นหนังเรื่องใหม่ได้เวิร์กเสมอไป ก็เหมือนกับ “Assassin Club” หนังแอคชั่นนักฆ่าที่น่าจะอยากเจริญรอยตามความสำเร็จของเฟรนไชส์ John Wick จึงได้กล้าคิดที่จะออกมาประชัน รีวิว”Assassin Club” Assassin Club เป็นเรื่องราวของ มอร์แกน อดีตทหารหนุ่มที่กลายมาเป็นนักฆ่าอาชีพ โดยเขาได้รับมอบหมายให้ทำงานสุดท้ายก่อนจะถอนตัวออกจากวงการนี้ ซึ่งต้องไปจัดการเด็ดหัวนักฆ่าทั้ง 7 คนที่กระจายอยู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ระหว่างปฏิบัติการดูเหมือนเขาเองก็กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกสั่งเก็บด้วย ทำให้เขาต้องเร่งสืบหาเบื้องหลังความจริงและจัดการผู้ที่บงการเรื่องนี้ก่อนมันจะสายเกินแก้ นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส “กามีย์ เดลามาร์เร” ที่เคยแจ้งเกิดมาจากหนัง Brick Mansions และทำภาคต่อให้ The Transporter Refueled เมื่อหลายปีก่อน แน่นอนว่าเขายังคงเอาดีด้านการทำหนังแอคชั่นแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญตามสไตล์ของเขา แม้ว่าผลงานชิ้นที่ผ่านมา ๆ ในเครดิตของเขาจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์ในหมู่นักวิจารณ์สักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังไม่หมดแพสชั่นที่จะทำหนังแนวนี้ต่อไป เช่นเดียวกันใน Assassin Club ก็ยังเข้าข่ายเป็นหนังบู๊สูตรเดิม ๆ ของผู้กำกับรายนี้ ที่เราจะสัมผัสได้ถึงลายเซ็นของเขาเป็นอย่างดีอ่านต่อ

รีวิว“THE BIG 4” สมองโล่งดูเอามัน ในยุคที่อินโดเป็นเจ้าหนังบู๊อาเซียน

เรื่องย่อ: เด็กกำพร้า 4 คนถูกเก็บมาฝึกเพื่อเป็นนักฆ่าเหล่าคนชั่วโดยชายที่พวกเขาเรียกว่าพ่อ แต่แล้วเมื่อพ่อต้องการวางมือและถูกสั่งเก็บ อันตรายก็คืบคลานมาสู่พวกเขาโดยทีมนักฆ่าอีกกลุ่มที่เต็มไปด้วยสรรพาวุธและความเหี้ยมโหด แม้เรื่องย่อจะดูเป็นหนังเครียดโหดเลือดสาดจนชวนนึกถึงภาพครั้งที่ผู้กำกับ ทิโม ทจาห์ยานโต (Timo Tjahjanto) เคยทำไว้ในหนัง ‘The Night Comes for Us’ (2018) ที่ลงทางเน็ตฟลิกซ์เช่นกัน โดยยังไม่ต้องไม่นับถึงผลงานก่อนหน้าที่เป็นหนังบู๊สายโหดแทบทั้งสิ้นจนถึงขนาดเคยร่วมงานกับ กาเรธ อีแวนส์ (Gareth Evans) ผู้กำกับ ‘The Raid: Redemption’ (2011) และนักแสดงสายบู๊ระดับโลกชาวอินโดอย่าง อิโก อูไวส์ (Iko Uwais) มาแล้ว แต่เอาเข้าจริงครั้งนี้ทจาห์ยานโตได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ อย่างน่าสนใจใน ‘The Big 4’ นั่นคือปรับมู้ดหนังบู๊ของเขาให้ดูซีเรียสน้อยลง มีความอมยิ้มและเต็มไปด้วยตัวละครที่เอกลักษณ์จัดจ้านเกินจริง จนชวนนึกถึงครั้งที่ไทยมีหนังอย่าง ‘7 ประจัญบาน’ (2545) หรืออย่าง ‘มือปืน/โลก/พระ/จัน’ (2554)อ่านต่อ

รีวิว BUMBLEBEE

จะเรียกว่านี่คือหนัง Transformers ที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้! เพราะมันทำให้ลืมภาพระเบิดภูเขาเผากระท่อมเวอร์ชั่นของ Michael Bay ไปเลย ในเรื่องนี้มีหลายอย่างที่เวอร์ชั่นก่อนๆ ไม่มี (สิ่งที่ดี) Bumblebee มีความเป็นหนังแอ็คชั่น ดราม่า ที่ใส่เรื่องราวความสัมพันธ์ของหุ่นเหล็กกับมนุษย์เอาไว้ และมีความเป็นหนังแนว Coming of age อยู่เต็มตัวด้วย ด้วยความที่มันเป็นแบบนั้น หนังเลยไม่ได้จัดฉากแอ็คชั่น บ้าระห่ำ ระเบิดเมือง ตู้มต้ามเหมือน Michael Bay แต่หันมาใส่ใจเรื่องราวความสัมพันธ์ของสองตัวละครมากกว่า ตัวอย่างหนัง : BUMBLEBEE ว่ากันตามตรง Bumblebee นี่มันพล็อตที่เชยมาก กับการปรากฏตัวของเอเลี่ยนมาบนโลกมนุษย์ ได้พบกับเด็กสาว/ชาย คนหนึ่ง ทั้งสองก็ผูกพันกัน รักกัน เป็นเพื่อนกัน และก็มีเหล่ารัฐบาลมาตามล่าตัวด้วยเหตุผลต่างๆ ไอ้เรื่องราวแบบนี้เราเคยเห็นมันมาแล้วในหนังหลายเรื่อง เรียกได้ว่าพล็อตแบบนี้มันเหมือนสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้เลย แต่ต้องขอชมว่า Travis Knight ทำหนังเรื่องนี้ออกมาได้สนุกเลยแหละ Bumblebee เปิดเรื่องได้น่าประทับใจมากและเป็นสิ่งที่แฟนๆ หลายคนอาจจะรอคอยเลยก็ว่าได้ กับฉากสงครามแอ็คชั่นบนดาวอ่านต่อ

"Resurrection คืนชีพ" สุดโต่ง..ไปให้สุด กับยกนิ้วให้แอคติ้งระดับเทพ

รีวิวหนัง “Resurrection คืนชีพ” สุดโต่ง..ไปให้สุด กับยกนิ้วให้แอคติ้งระดับเทพ ใครที่อยากถูกปั่นจิต ปั่นประสาท หรือนิยมหนังลึกลับออกจะอาร์ต ๆ หน่อย ต้องมาทางนี้ นี่คือ “Resurrection คืนชีพ” ว่าด้วยบาดแผลทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับ มาร์กาเร็ต ที่เรื่องราวในอดีตของเธอยังคงบาดลึกอยู่ข้างใจเสมอมา แบบว่าปัจจุบันเธอจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อยู่กับลูกสาวที่เติบใหญ่เป็นวัยรุ่น และใกล้จะสยายปีกออกไปเรียนมหาวิทยาลัย ในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังเป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ มันก็มาสะดุดเพราะได้พบเห็นกับบุคคลที่เป็นเหมือนฝันร้ายในอดีตตามมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง เธอต้องรวบรวมความกล้าและเผชิญหน้ากับเขาคนนั้น เขาผู้ซึ่งกลับเขามาในชีวิตของเธออีกครั้งใน 20 ปี เธอจะต้องเลือกว่าจะจัดการมันลงได้อย่างไร? นี่คือผลงานการกลับมาทำหนังอีกครั้งในรอบ 10 ปีของ “แอนดรูว์ ซีแมนส์” โปรดิวเซอร์หนังมือฉมัง ที่ห่างหายไปตั้งแต่หนังดราม่าชวนสับสน Nancy, Please เขาก็ได้กลับมาทำให้คนดูสับสนอีกครั้งใน Resurrection เรื่องนี้ ที่เขาก็ยังคงรับหน้าที่กำกับและเขียนบทด้วยเช่นเคย โดยมาในครั้งนี้ผลงานของเขาก็ยังไปได้สุด สุดในทางสุดโต่ง ที่เต็มไปด้วยจินตนาการและแนวคิดที่ลึกล้ำเกินกว่าที่จะคิดได้ แต่กระนั้นก็นับว่าโชคดีมาก ๆ ที่ Resurrection ได้ทีมนักแสดงระดับคุณภาพมาช่วยเสริมความจัดจ้านและดีงามให้องค์ประกอบของหนัง “รีเบคก้า ฮอลล์” คือนักแสดงตัวแม่ระดับมืออาชีพจริง ๆอ่านต่อ

"Breaking แตกหัก" มันเริ่มต้นจากสิ้นหวัง แล้วจบด้วยไฟแห่งความ

รีวิวหนัง “Breaking แตกหัก” มันเริ่มต้นจากสิ้นหวัง แล้วจบด้วยไฟแห่งความ… และนี่คือหนังดราม่าอาชญากรรมเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่อยากให้พลาดเหมือนกัน “Breaking แตกหัก” ที่ถูกฉาบเอาไว้สถานการณ์จับตัวประกันและปล้นธนาคารสุดลุ้นระทึก แต่ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้กลับเต็มไปด้วยประเด็นที่บียอนด์ไปมากกว่า ทั้งเจ็บปวด ทั้งแสบสันต์ และยังเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ ๆ สะท้อนมุมมองความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นอย่างดีในยุคปัจจุบัน Breaking แตกหัก เป็นหนังที่มีเค้าโครงสร้างมาจากเรื่องจริง ที่เล่าถึงเรื่องราวของอดีตนาวิกโยธินผ่านศึก ที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของชีวิต ทั้งสภาพจิตใจและสภาวะอารมณ์อย่างหนักหน่วง เมื่อเขากำลังพยายามจะกลับไปสู่ชีวิตในฐานะพลเรือนธรรมดา แต่การปรับตัวและปรับชีวิตของเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกทั้งเขายังมีอีก 2 ชีวิตเป็นลูกเมียที่ต้องคอยดูแลอยู่ข้างหลัง และสิ่งที่เขาตัดสินใจทำกำลังจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดกาล นี่คือผลงานการกำกับและเขียนบทของผู้กำกับหญิง “เอบี ดามาริส คอร์บิน” ที่ถือว่าผลงานนี้น่าจะเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกของเธอด้วย หนังเรื่องนี้เหมือนพาคนดูขึ้นบนสังเวียนมวยแห่งหนึ่ง เพื่อสังเกตการณ์และเฝ้าดูวิธีการออกหมัดของนักมวยกับคู่ต่อสู้อะไรทำนองนั้น แต่หนังเป็นที่ปล่อยหมัดเด็ด ๆ ออกมาทีก็ทำให้สะอึกได้อยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการใช้ลีลาและสถานการณ์ในการเล่าเรื่องได้ค่อนข้างคมคาย Breaking อาจจะเป็นหนังที่ไม่ได้มีนักแสดงเยอะแยะและดาราก็ไม่ได้มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าอะไร แต่ต้องยกย่องการแสดงของ “จอห์น โบเยก้า” ได้แบบเต็มปากเต็มคำเลยว่า เขาถ่ายทอดออกมาได้เหมาะเจาะ และแทบจะพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้เพียงลำพังคนเดียวเลยก็ว่าได้ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณบทหนังที่ส่งเสริมตัวละครของเขาเป็นอย่าง กับลีลาการเล่าเรื่องนี้ค่อย ๆ บิ้วท์จังหวะและอารมณ์คนดูได้ทีละเรื่อย ๆอ่านต่อ

“The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี” ใช้ความศรัทธา เอาชนะความกลัว

รีวิวหนัง “The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี” ใช้ความศรัทธา เอาชนะความกลัว เปิดประตูสู่ความจริง เมื่อภาพยนตร์ “The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี” ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากแฟ้มเหตุการณ์จริงของหลวงพ่อ“เกเบรียล อามอร์ธ” ผู้ทำหน้าที่ปราบผีแห่งนครวาติกัน โดยหนังมีการเล่าเรื่องราวผ่านแง่มุมของศาสนาคริสต์ ที่มีมิติไม่เน้นหนักไปทางด้านศาสนา แต่เคล้าให้เราได้สัมผัสกับความศรัทธาหลายแง่มุมของศาสนามีทั้งบาปและความชั่วร้ายที่ยังคงตามติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน แม้เวลาจะเปลี่ยนผันแต่การกระทำของเราจะอยู่ติดตัวเราเสมอ และพบกับความสยองขวัญจนใจเต้นแรง พร้อมแผงอิทธิฤทธิ์การปราบผีทั่วทุกหนแห่งไปกับเขา เรื่องราวของ บาทหลวงอามอร์ธ เขาได้สืบเรื่องราวการถูกสิงสู่ที่โบสถ์เซนต์ เซบาสเตียนในแคว้นคาสติล ประเทศสเปน มีครอบครัวหนึ่งกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการบูรณะอาคารเก่าแก่ โบสถ์แห่งนี้มีประวัติยาวนานกับพระคริสตจักรคาธอลิค และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่น ได้ถูกเปิดเผยออกมา เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของพระคริสตจักรคาธอลิค เพราะมีการลงโทษคนที่การแสดงออกของพวกเขาไม่ได้สื่อถึงการมีศรัทธาอย่างลึกซึ้ง เราทุกคนต่างก็คิดว่านั่นเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการล้วงลึกเข้าไปในประวัติศาสตร์ของสเปน เผยความเก่งกาจของ กาเบรียล อามอร์ธ ผ่านการปราบซาตานตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนจะโยงเข้าสู่สถานที่หลักที่กำลังมีครอบครัวหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่เมื่อเป็นสิ่งเดียวที่ครอบครัวเหลืออยู่ ในระกว่างการบูรณะอาคารพวกเขาได้เริ่มพบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อซาตานได้สิงสู่เด็กหนุ่มเฮนรี่ ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้ กาเบรียล อามอร์ธ ต้องมาสู่สถานที่แห่งนี้ และเกิดเรื่องราวขึ้นทั้งหมด โดยเนื้อหาในการเล่าจะไม่ได้ใส่คำสอน หรือการชูเรื่องความเชื่อเข้ามามากนัก แต่ปักหลักในด้านความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า เพื่อให้เรานั้นสามารถต้านทานกับสิ่งชั่วร้าย และบาปที่เคยทำไว้ได้ มีการวางปมความแค้นของซาตานอ่านต่อ

รีวิวหนัง "One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด" โชคชะตาพากลับไปยุคอาเซเรเฮ!

 “One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด” มีหนังดี ๆ มาแนะนำกันอีกแล้ว คราวนี้เป็นหนังใหม่จากสวีเดนที่มาพร้อมกับพล็อตที่ไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าไหร่ แต่กลับน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว นี่คือ “One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด” หนังตลกแฟนตาซีสำหรับใครที่ชื่นชอบหนังแนวย้อนเวลาวนลูป แต่ในเรื่องนี้ไม่ได้เขย่าขวัญหรือไซไฟอะไร แต่กลับสอดแทรกถึงโอกาสที่สองของคน ถ้าหากว่าเราได้มีโอกาสอีกครั้ง One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด พูดถึงชีวิตของ อมิเลีย หญิงสาวที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับวิกฤตวัยกลางคน ก่อนที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชนในวันเกิดปีที่ 40 ของตัวเอง แต่เมื่อเธอฟื้นคืนสติกลับขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาอยูในปี 2002 หรืออยู่ในร่างของตัวเองตอนอายุ 18 ปีอีกครั้ง ทำให้เธอได้มีโอกาสที่จะได้มีความสุขกับช่วงเวลาโปรดปรานของเธออีกครั้ง แต่เรื่องราวมันไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนั้น เพราะอมิเลียพบว่าตัวเองยังคงวนลูปในห้วงเวลาเดิม ๆ ด้วยการตื่นขึ้นมาในวันเกิดอายุ 18 ปีอย่างต่อเนื่องทุก ๆ วัน ทำให้เธอต้องรีบตั้งสติ พร้อมกับต้องมองหาสิ่งที่ต้องแก้ไขเมื่อในอดีตให้ถูกต้อง ก่อนที่เธอเองจะไม่มีโอกาสได้ก้าวเดินต่อไปและใช้ชีวิตภายภาคขหน้าได้อีก เอาตรง ๆ One More Time เรื่องนี้ก็เหมือนกับเป็นการยำพล็อตจากหนังฮอลลิวูดดังอ่านต่อ