รีวิวหนัง "Watcher เฝ้ามองจ้องเชือด"

“Watcher เฝ้ามองจ้องเชือด” เฉือนเนิบ ๆ ทำเสียวสันหลังวาบได้อยู่นะ ใครที่ชื่นชอบหนังลึกลับสยองขวัญแบบเสียวสันหลังวาย…ต้องไม่พลาด “Watcher เฝ้ามองจ้องเชือด” เป็นว่าด้วยเรื่องราวของ จูเลีย หญิงสาวอเมริกันที่ตัดสินใจย้ายตามแฟนหนุ่มมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย แต่เธอเริ่มรู้สึกแปลก ๆ และสงสัยว่าชายแปลกหน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอะพาร์ตเมนต์ของเธอนั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับการเป็นฆาตกรตัดหัวหญิงสาวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และนั่นได้นำพาเธอเดินไปสู่ห้วงแห่งอันตราย และนี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับหญิงดาวรุ่งที่น่าจับตามอง “โคลอี โอคูโน่” ที่เธอเคยแจ้งเกิดมาจากหนังสยองขวัญ “V/H/S/94” ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในทีมผู้กำกับ นี่จึงกลายเป็นผลงานกำกับหนังยาวเรื่องราวอย่างเต็มตัวของเธอ และเธอก็ได้ทำการใส่ของและใส่สิ่งที่เธออยากเล่าได้อย่างเปี่ยมล้น บนพื้นฐานของหนังที่ยังดำเนินไปด้วยสูตรสำเร็จทั่วไป ที่อาจจะไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่นัก โคลอี โอคูโน่ ร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้กับนักเขียนมือใหม่ “แซ็ค ฟอร์ด” ถือว่าพวกเขาค่อย ๆ บรรเลงเพลงสยองในหนังเรื่องนี้ด้วยจังหวะที่ค่อยเป็นค่อยไป คือถ้าหากว่าคุณไม่ค่อยนิยมดูหนังที่เล่าไปแบบเนิบ ๆ ไม่เร่งรีบอะไรเท่าไหร่นัก นี่อาจจะยังไม่ใช่หนังที่เหมาะกับคุณ แต่บนความเนิบช้าในการเล่าของเรื่องนี้นั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์และเป็นจังหวะที่ถูกต้องในการหยิบนำมาใช้ เพราะมันช่วยบิวท์อารมณ์และโทนของหนังได้เป็นอย่างดีเลย ในแง่ความสดใหม่ Watcher เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยมีมากนัก เพราะเชื่อว่าเปิดเรื่องมาผู้ชมก็น่าจะเดาทางออกได้แล้วว่าใครเป็นใคร เพียงแต่ว่าระหว่างทางในการเล่าเรื่องของหนัง ที่ใช้ตัวละครหญิงเป็นตัวนำทางตลอดทั้งเรื่อง โดยสร้างมิติให้กับตัวละครนี้ออกมาได้น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาต่างบ้านต่างเมือง หรือเสียงที่เบาของเธอที่ไม่อาจจะเปล่งให้ใครสนใจรับรู้ได้ถึงภัยที่กำลังจะมา Watcherอ่านต่อ

รีวิวหนัง "Abandoned ร้าง ลวง หลอน" หลอนเฮี้ยนกว่าผีร้าย คือเสียงร้องของ...

“Abandoned ร้าง ลวง หลอน” และนี่คือ “Abandoned ร้าง ลวง หลอน” ที่เป็นเรื่องราวของคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านไร่ในพื้นที่ห่างไกลจากเมือง เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกชายแบเบาะของพวกเขา แต่เธอต้องเผชิญหน้าและต่อสู้กับภาวะหลังคลอดอย่างหนักและมันก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งบ้านหลังนี้ค่อย ๆ เผยความลับซ่อนเร้นของมันออกมา นี่คือผลงานเดบิวต์กำกับหนังยาวเรื่องแรกของนักแสดงหนุ่ม “สเปนเซอร์ สไควร์” โดยที่เขายังร่วมเขียนบทหนังกับ “อีริก แพตเตอร์สัน” กับ “เจสสิก้า สก็อต” ที่ส่วนใหญ่ล้วนแต่มีประสบการณ์เขียนบทหนังใส ๆ ที่ออกฉายทางทีวีมาในช่วงหลายปี เมื่อต้องปรับตัวมาเขียนบทหนังที่เต็มไปด้วยโทนหม่นและลึกลับ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่สามารถกุมบังเหียนมันเอาไว้ได้อยู่ บทหนังของ Abandoned แทบจะไม่มีมิติอะไรเลย ทุกอย่างใส่เข้ามาในลักษณะแบนราบและเรื่อยเปื่อย แม้ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะทำให้หนังดูมีอะไร แต่กลับยังไม่มีแรงดึงดูดที่เพียงพออะไรขนาดนั้น หนังยังคงเดิมตามสูตรสำเร็จที่เชื่อว่าคนดูน่าจะเดาทางได้ไม่ยากตั้งแต่เปิดเรื่องมา ถ้าหากว่าไม่มีซาวน์ประกอบมาช่วยบิวท์อารมณ์นั้น หนังเรื่องนี้ก็แทบจะไม่มีจังหวะความน่ากลัวอะไรเลย ต้องถือว่าหนังค่อนข้างพยายามเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะพยายามทับซ้อนด้วยเรื่องราวลึกลับเป็นปมหลักแล้ว ยังอยากจะใส่ภาวะอารมณ์ของผู้หญิงเพิ่งคลอดลูกเข้าไปด้วย แต่หนังก็ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักทาง เส้นเรื่องทุกอย่างคล้ายกับเข้าไปแตะ ๆ แบบผิวเผินเท่านั้น ไม่ได้ชวนพาให้คนดูถลำลึกตามท้องเรื่องไปด้วยเลย หนักไปยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่เพราะการสร้างบรรยากาศชวนหลอนของหนังอะไร แต่ความหลอนนั้นกลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย ที่ในหนังมักจะใส่แทรกเข้ามาอยู่ทุกอ่านต่อ

รีวิวหนัง "Living" การแสดงบาดลึก กับจารึกที่ว่า..เราต่างเกิดมาเพื่อรอวันสุดท้าย

“Living” การแสดงบาดลึก กับจารึกที่ว่า..เราต่างเกิดมาเพื่อรอวันสุดท้าย และนี่คือหนังที่สะดุดตาสะดุดใจเราไม่น้อย เพราะเป็นหนังม้ามืดที่แทรกเข้ามาติดโผเข้าชิง 2 รางวัลออสการ์ปีล่าสุด นี่ก็คือ “Living” หนังสัญชาติอังกฤษที่เป็นการดัดแปลงสร้างมาจากต้นฉบับหนังญี่ปุ่นสุดอมตะ ที่อาจะไม่ใช่หนังเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง แต่เมื่อหยิบเอาวิธีการเล่าเรื่องแบบดราม่าใส่ฟีลแบบจริตญี่ปุ่นมาอยู่ในหนังโลกตะวันตกแล้ว กลิ่นอายมันก็ละมุนไปได้อีกแบบ Living เป็นเรื่องราวของ รอดนีย์ วิลเลียมส์ ข้าราชการระดับสูงประจำศาลากลางกรุงลอนดอนในช่วงยุคปี 1950s ที่กำลังเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยวในชีวิต แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่กับลูก ๆ อยู่ก็ตาม แต่เขากลับต้องเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนที่เศร้าโศกอีกหน เมื่อผลวินิจฉัยจากแพทย์ระบุว่าเขาเป็นโรคร้ายและคงเหลือเวลาอยู่เพียงไม่นาน ทำให้เขาเริ่มฉุกคิดบางอย่างที่จะทำเพื่อเป็นการสั่งเสียคนรอบข้างให้สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะการเสาะหาและตอบสนองหาผู้สืบทอดสิ่งที่เขาทำทิ้งเอาไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับชาวแอฟริกาใต้ “โอลิเวอร์ เฮอร์มานัส” ที่เคยแจ้งเกิดและได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้มหลามจากงานชิ้นก่อนในหนังสงครามโรแมนซ์เนื้อหา LGBTQ+ อย่าง Moffie และเขาก็หยิบเอาประสบการณ์การทำงานมาใส่เป็นลูกเล่นในหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงล็อกลงจังหวะ แม้ว่าในแง่งานสร้างของหนังเรื่องนี้จะยังไม่ได้โดดเด่นเป็นที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าโปรดักชั่นดีไซน์และการออกแบบมุมภาพ รวมทั้งแสงสีต่าง ๆ ทำออกมาได้ละเมียดละไมตามแบบฉบับของโอลิเวอร์ หนังเรื่องนี้ได้นักเขียนนิยายชื่อดัง อย่าง “คาซูโอะ อิชิกูโระ” (จากนิยาย Never Let Me Go) มาช่วยดัดแปลงบทหนังให้ โดยคัดสำเนามาจากต้นฉบับที่เป็นหนังญี่ปุ่นคลาสสิก Ikiru เวอร์ชั่นปีอ่านต่อ

Medieval 2022

หนังสงครามสร้างจากเรื่องจริง / รีวิวหนัง Medieval (2022) หนังเรื่อง Medieval (2022) หนังได้นักแสดงชาวอเมริกานามว่า Ben Foster รับบท ยาน ผู้นำกองกำลังทหารรับจ้าง ซึ่ง Ben Foster มีผลงานการแสดงเช่น Hell or High Water (2016), 3:10 to Yuma (2007), The Messenger (2009) และ Leave No Trace (2018) หนังได้นักแสดงสาวอย่าง Sophie Lowe รับบท แคทเธอรีน หญิงสาวผู้เป็นหลานของราชาฝรั่งเศส ซึ่ง Sophie Lowe มีผลงานการแสดงเช่น Blow the Man Down (2019), Beautiful Kate (2009), The Beautiful Lie (2015) และ The Slap (2011)อ่านต่อ

รีวิวภาพยนต์ NOPE | ไม่ 2022

รีวิว NOPE | ไม่ 2022 อีกหนึ่งหนังที่รักมากประจำปีนี้ รักมาก ๆ และสนุกมาก ๆ สำหรับเราคือเป็นหนังจอร์แดน พีล ที่ค่อนข้างดูง่ายที่สุด (จากผู้กำกับเรื่อง Get Out และ Us) คือมันมีความแมส มาแบบสไตล์หนังสนุก เข้าใจง่าย ไม่ได้ซับซ้อน แต่ขณะเดียวกันถ้ามองหนังด้วยประเด็นลึก ๆ เราว่าหนังมันก็ซ่อนความหมายนัยยะต่าง ๆ เข้าไปได้อย่างแนบเนียนมากเช่นกัน โดยคร่าว ๆ ของหนังคือว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องที่อาศัยในบ้านที่ห่างไกลจากเมืองต้องเผชิญหน้ากับสิ่งลึกลับบนท้องฟ้า โดยคิดว่าควรรู้เกี่ยวกับหนังให้น้อยที่สุด เพราะหนังมีเซอร์ไพรซ์อยู่มากพอสมควร ส่วนนึงที่เราชอบมากอาจเพราะเราได้เห็นหนังแนวโปรดอย่างแนวสยองขวัญไซไฟที่ได้โลดแล่นอีกครั้ง สเกลของหนังที่ดูไม่ใหญ่โต เน้นบรรยากาศความบ้าน ๆ ปนความเป็นเวสเทิร์นเล็กน้อย ซึ่งก็จะนึกถึงกลิ่นอายของหนัง M. Night Shyamalan อย่างเรื่อง Sign (2002) ที่บรรยากาศในครึ่งแรกจะคล้าย ๆ กัน หนังเสริมด้วยอารมณ์ของความสยองขวัญที่หลายซีนสามารถบีบคั้นได้อย่างลุ้นระทึกและดูน่ากลัวกับภัยอันตรายจากความไม่รู้ของสิ่งลึกลับ การสร้างความหวาดกลัวบนท้องฟ้าแก่คนดู หนังก็ดีไซน์ได้ออกมาสนุกและชวนหวาดระแวงไปพร้อมกับตัวละครอ่านต่อ

รีวิวภาพยนต์ Incantation | มนตรา 2022

รีวิว Incantation | มนตรา 2022 Incantation (2022) เป็นหนังกึ่งสารคดีจากประเทศไต้หวันที่เนื้อหาสุดหลอน สั่นประสาท และสยองขวัญสุดๆ เล่าเรื่องราวของครอบครัว Li ที่ได้เดินทางกลับมาใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิด ในวันหนึ่งลูกสาวคนเล็กของเธอก็ป่วยเป็นโรคประหลาดที่รักษาไม่หาย เริ่มมองเห็นนั้นเห็นนี้ ลูกสาวของเธอเรียกมันว่าคนร้าย พาไปรักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต ลูกสาวของเธอมีร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ แต่คนทรงแถวบ้านบอกว่าลูกสาวเธอถูกผีเข้าสิง และสั่งให้อดน้ำอดอาหารเป็นเวลาเจ็ดวันเพื่อเป็นการไล่ผี ส่วนพ่อก็ออกเดินทางไปหาคนที่พอจะช่วยได้ก่อนจะถูกผีเข้าไปอีกคน ความรู้สึกที่ได้ดูบอกตรงๆว่าหลอนและน่ากลัวมาก น่ากลัวมากจนน่าขนลุก ทั้งฉากตั้งกล้องถ่ายหน้าตัวเอง live สดที่พยายามหาทางช่วยเหลือลูกสาวที่แสนสิ้นหวังและหดหู่ ในขณะที่ตัวเองก็พยายามวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากผีที่ตามมาสิงไปด้วย ซึ่งเอาจริงๆมันน่าแปลกมากที่ทุกคนในครอบครัวนี้ไม่มีปัญหาสุขภาพทางจิตและร่างกายแข็งแรงทุกอย่าง และทำให้ผู้เขียนสงสัยว่านี้คืออุปทานหมู่หรือเปล่า ซึ่งหนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริงของ Li lua nan ครอบครัวที่พยายามไล่ผีให้ออกจากร่างลูกสาวคนเล็กจนถูกสิงทั้งครอบครัว ว่ากันว่าชาวบ้านแถวๆนั้นรู้หมด เพราะครอบครัวนี้ชอบส่งเสียงร้องแปลกๆตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่เพราะเป็นการส่งเสียงแค่ในบ้านของตัวเองไม่ได้ไประรานใคร ชาวบ้านเลยไม่ค่อยอยากยุ่งกับครอบครัวนี้ อีกทั้งครอบครัวนี้ยังกินอุจจาระและปัสสาวะเป็นอาหารอีกด้วย ซึ่งเนื้อหาในหนังเลือกที่จะตัดฉากนี้ไป แต่เน้นไปที่ฉากการทำพิธีกรรม ความเชื่อ การทำของ การเล่นคุณไสย และฉากที่สามีภรรยาสองคนวิ่งหนีจากผีก่อนที่จะถูกผีเข้าแทน ซึ่งทุกอย่างที่หนังใส่มา ทั้งการถ่ายทำแบบ footage ที่มีคนถือกล้องวิ่งตามไปกับตัวละครในฐานะของบุคคลที่สามอ่านต่อ

รีวิวภาพยนต์ Bullet Train | ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า 2022

รีวิว Bullet Train | ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า 2022 รถไฟหัวกระสุนขบวนนี้..ไม่น่าจะอยากมีใครย่างก้าวขึ้นไปโดยสารด้วยแน่ ๆ เพราะคือขบวนที่อัดแน่นไปด้วยเหล่านักฆ่ามือฉมังจากทั่วโลก ที่โคจรมาขึ้นรถไฟเที่ยวเดียวกันใน “Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า” หนังแอคชั่นสุดระห่ำที่เต็มไปด้วยกองทัพดาราฮอลลิวูดอัดแน่คับจอ ที่เป็นการหยิบเอานิยายทริลเลอร์ชื่อดังมาดัดแปลงใหม่และร้อยเรียงออกมาเป็นหนังบู๊ปนขำเรื่องนี้ Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า เล่าเรื่องราวของ เลดี้บั๊ก นักฆ่าพาซวย ที่โชคชะตามักจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ กับภารกิจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาต้องปะทะกับนักฆ่าจากทั่วโลก ทุกคนต่างมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่ก็ต้องต่อกรกันอย่างเลี่ยงไม่ได้บนรถไฟที่เร็วที่สุด…เขาจะลงจากขบวนรถไฟได้อย่างไร ปลายทางสุดโกลาหล เป็นจุดเริ่มต้นความระห่ำ นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “เดวิด ลิตช์” ผู้ที่เคยสร้างตำนานให้กับ Deadpool 2 และบู๊สุดเฉียบใน Atomic Blonde โดยในครั้งนี้เขายังกลับมาหยิบจับผลงานระดับบ็อกซ์บัสเตอร์ทุนหนาอีกครั้ง ด้วยการดัดแปลงเรื่องราวจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ “โคทาโร่ อิซะกะ” ถือนับว่าผลงานชิ้นนี้เป็นงานเขียนระดับมาสเตอร์พีชในอาชีพของเขาเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่า เดวิด ลิตช์ ยังคงรู้ทิศทางและแนวทางในการดีไซต์หนังแอคชั่นระห่ำที่มีพื้นที่จำกัดอยู่เพียงแค่รถไฟขบวนเดียวได้อย่างมีพรสวรรค์ ผู้ชมสามารถไว้วางใจกับองค์ประกอบของฉากบู๊ต่าง ๆ ที่ถือว่าออกแบบมาได้อย่างสมน้ำสมเนื้ออ่านต่อ

รีวิวภาพยนต์ The Unbearable Weight of Massive Talent | ข้านี่แหละ นิค ‘ฟักกลิ้ง’ เคจ 2022

รีวิว The Unbearable Weight of Massive Talent | ข้านี่แหละ นิค ‘ฟักกลิ้ง’ เคจ 2022 ได้เวลามาพิสูจน์ผลงานที่ใคร ๆ ก็ว่าเป็นการคืนฟอร์มอย่างสมศักดิ์ศรีของคุณป๋า “นิโคลัส เคจ” ที่กลับมายืนหยัดอยู่บนเส้นทางหนังสายกระแสอีกครั้ง กับหนังเรื่องล่าสุดของเขา “The Unbearable Weight of Massive Talent” ที่ตั้งชื่อไทยเอาไว้คูล ๆ ว่า “ข้านี่แหละ นิค ‘ฟักกิ้ง’ เคจ” ออกมาเป็นหนังตลกที่แสนคมคายและเสียดสีความเป็นตัวของเขาค่อนข้างสูง ประหนึ่งเป็นการสร้างหนังชีวประวัติของเขาโดยย่อมเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ แล้วมันจะฮาแบบที่ฝรั่งอวยกันหรือเปล่านะ? The Unbearable Weight of Massive Talent เป็นเรื่องราวของ ‘นิค เคจ’ ดาราฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ตกอับ ที่แม้ว่าในอดีตจะเคยฝากผลงานอันยิ่งใหญ่เอาไว้มากมายทั้ง Con Air และอ่านต่อ

รีวิวภาพยนต์ BABYLON | บาบิลอน 2022

รีวิวBABYLON | บาบิลอน 2022 เป็นหนังที่เสียงค่อนข้างแตกอยู่ไม่น้อย ในกลุ่มหวังรางวัลในปีนี้ นี่คือ “Babylon” ผลงานล่าสุดของผู้กำกับหนุ่ม “เดเมียน ชาเซลล์” (จาก La La Land) ที่มีจุดเด่นตรงที่เป็นหนังพีเรียดย้อนยุคกลับไปเมื่อร้อยปีก่อน ซ้ำยังอัดแน่นด้วยเนื้องานที่เต็มตาถึง 3 ชั่วโมง เทียบเท่ากับหนัง Avatar ภาคล่าสุดเลยทีเดียว แล้วตัวหนังมันมีข้อเด่นข้อด้อยตรงกันบ้าง? และควรค่าแก่การนั่งแช่ในโรงหนังนานขนาดนี้หรือไม่? Babylon เป็นหนังพาย้อนกลับไปลอสแองเจลิส ในทศวรรษ 1920 เรื่องราวเกี่ยวกับความทะเยอทะยานเกินปกติและพฤติกรรมสุดเหวี่ยงเกินพิกัด และถ่ายทอดเรื่องราวยุครุ่งเรืองและการล่มสลายของหลากหลายตัวละครในช่วงยุคแห่งความเสื่อมโทรมและความเลวทรามช่วงฮอลลิวูดยุคบุกเบิกเริ่มต้น ที่เต็มไปด้วยแสงสีอันน่าหลงใหล และภาพมายาที่ลวงหลอก นี่ถือได้ว่าเป็นชิ้นงานภูมิใจนำเสนอของ เดเมียน ชาเซลล์ เขาเลยแหละ เพราะเขาพยายามปลุกปั้นอยู่หลายปี และยังเป็นโปรเจกต์หนังที่หลาย ๆ ค่ายต่างจับจ้องแย่งเอามาเป็นเจ้าของด้วย แน่นอนว่าเขายังคงรับหน้าที่ดูแลงานกำกับและเขียนบทหนังด้วยตัวเอง ซึ่ง Babylon ก็ยังเต็มไปด้วยลายเซ็นชัด ๆ ในลีลาการทำหนังรูปแบบของเขา งานภาพ งานเสียง และเซ็ตติ้งต่าง ๆอ่านต่อ

มาสานต่อกับหนังแอคชั่นระทึกขวัญภาคต่อ ที่น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์หนังจากเกาหลี นี่คือ “The Witch: Part 2 – The Other One แม่มดสังหาร 2” ที่มาสานต่อเรื่องราวจากหนังภาคแรกเมื่อหลายปีก่อน ที่บางคนอาจจะลืมไปแล้ว นี่คือหนังที่ใส่ความเขย่าขวัญเข้ามากับฉากแอคชั่นชวนสยอง เป็นหนังที่เต็มไปด้วยรูปแบบของสูตรสำเร็จ แม้ว่าภาคนี้จะแอบรู้สึกได้ชัดเจนว่า…เสน่ห์ดั้งเดิมนั้นได้จางหายไป The Witch: Part 2 – The Other One เป็นเรื่องราวของเด็กสาวได้ตื่นขึ้นมาอยู่ในห้องทดลองขนาดใหญ่ เธอได้พยายามหลบหนีออกมาจากที่นั่น ทำให้ได้มาพบกับ คยองฮี ที่พยายามปกป้องเธอจากแก๊งอาชญากร แต่เมื่อเด็กสาวต้องเผชิญหน้ากับพวกมันด้วยตัวเองนั่น เธอสามารถเอาชนะได้ด้วยพละกำลังที่มหาศาลอย่างน่าทึ่ง ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งตามไล่ล่าเด็กคนนี้อยู่เช่นกัน เธอผู้นี้เป็นใคร? แล้วทำไมถึงมีใครอยากได้ตัวเด็กสาวผู้นี้กันมากนัก? เรียกได้ว่ากลับมาสานต่ออีกครั้ง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นความพยายามที่จะยกระดับและปลุกปั้นสร้างเป็นแฟรนไชส์หนัง The Witch ขึ้นมาประดับวงการหนังเกาหลี หลังจากที่ภาคแรกออกฉายไปเมื่อปี 2018 และถือว่าทำกระแสตอบรับออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจดี กลับมาในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเล่าเรื่องในอีกส่วนที่ขยายออกไป และดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากภาคก่อนที่ปูเอาไว้ แม้ว่าผลลัพธ์ของความพยายามนั้นจะยังออกมาได้ยังไม่สุดทางสักเท่าไหร่ก็ตาม ผู้กำกับ “พัคฮุนจอง” จากภาคแรกยังคงกลับมาสานต่อเรื่องราวในพาร์ทนี้อีกครั้ง แน่นอนว่าเขารู้จักทิศทางและองค์ประกอบหลักของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี ทำให้หนังยังสามารถคงคอนเซ็ปต์ดิบเถื่อนและโหดแบบไซไฟเอาไว้ได้ดีเช่นเดิมอ่านต่อ