รีวิวหนัง "The Boogeyman เดอะ บูกี้แมน" ผีหลอนไม่มาก แค่อยากซื้อไฟไปติดให้เพิ่ม

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในตำนานผีปรำปราของฝั่งอเมริกา ที่เราอาจจะเคยได้ยินได้สัมผัสกับมาบ้าง เพราะที่มันดังได้ก็มาจากเจ้าพ่อนิยายสยอง “สตีเวน คิง” นำมาร้อยเรียงสร้างเป็นเรื่องราวให้ชวนหลอน กลายออกมาเป็น “The Boogeyman” ที่ฉบับนี้อิงมาจากงานเขียนสุดคลาสสิกโดยเฉพาะ ที่จะมาเบิกทางตำนานผีตู้เสื้อผ้าที่ฝรั่งกลัวหนักหนา แต่ความหลอนเฮี้ยน..จะทำได้ถึงขั้นนั้นหรือไม่? นี่คือเรื่องราวของ ซาดี้ ฮาร์เปอร์ นักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายและ ซอว์เยอร์ น้องสาวของเธอ ที่ยังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสียแม่อย่างกะทันหัน และไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ดีพอจาก วิล พ่อของพวกเขา ที่มีอาชีพเป็นนักจิตวิทยาบำบัด เพราะตัวเขาเองก็ยังคงรับมือกับความเจ็บปวดของตัวเองอยู่ วันหนึ่งมีผู้ป่วยสุดเวทนาโผล่มาที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่แล้วผู้ป่วยคนนั้นก็ได้ทิ้งเรื่องราวเหนือธรรมชาติสุดสะพรึงที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาตกเป็นเหยื่อของเรื่องลี้ลับ อาจจะบอกได้หนังเรื่องนี้ก็เป็นตามสูตรสำเร็จของจำพวกหนังผีสุดสยอง ที่ใช้บริการผู้กำกับดาวรุ่งมาชิมลางถ่ายทอดความหลอนแบบเดิม ๆ ที่เราอาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว “ร็อบ ซาเวจ” ที่่ผ่านงานกำกับซีรีส์และหนังสยองทุนต่ำมาหลายเรื่อง เขารู้วิธีรับมือกับหนังเรื่องนี้ดี ด้วยการสร้างบรรยากาศชวนหลอนและสะพรึงกลัว อีกทั้งยังสามารถรักษาระดับงบประมาณของหนังเอาไว้ได้อย่างน่าพอใจทีมผู้บริหารเลยแหละ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนกันหรือไม่ แต่ตลอดระยะเวลาที่นั่งดู The Boogeyman เรื่องนี้ แอบรู้สึกและนึกถึงรสสัมผัสแบบที่เคยลิ้มลองมาแล้วในหนังดังแจ้งเกิดของผู้กำกับ เดวิด เอฟ. แซนด์เบิร์ก อย่าง “Lights Out” เมื่อไม่กี่ปีก่อน ที่มาในโทนคล้าย ๆ กันอ่านต่อ

รีวิวหนัง "อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION"

เปิดประตูสู่ความสยองขวัญสั่นประสาทไปกับภาพยนตร์เรื่อง “อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION (อ๊กซู : สถานีผีดุ เดอะ โกสท สเตชั่น)” ร้อยเรียงเรื่องราวจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ก่อนนำมาสร้างเป็น WEBTOON โดยในภาพยนตร์ยังได้คว้าตัวผู้เขียนบทหนังสยองขวัญฝีมือดี ฮิโรชิ ทาคาฮาชิ มาเป็นผู้รังสรรค์เรื่องราว โดยมี จองยงกิ นั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์ เป็นอีกหนึ่งเนื้อหาที่จะพาคุณไขปริศนาที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว และยังสะท้อนมุมมองของอาชีพนักข่าวเข้ามาได้ดีพอสมควร ชวนขนลุกขนพองตลอดทั้งการรับชม เรื่องย่อ เรื่อง “อ๊กซู : สถานีผีดุ THE GHOST STATION” เป็นเรื่องราวของ นายอง นักข่าวสาวผู้ต้องการทำข่าวให้ได้ผลตอบรับที่ดีตามเป้าหมายของหัวหน้า ทว่าเขากลับทำผิดพลาดจึงต้องหาข่าวใหม่มาทดแทน เขาได้ขอร้อง ชเวอูวอน เพื่อนของเขาที่เป็นพนักงานบริการสาธารณะที่สถานีอ๊กซูที่เพิ่งพบกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เธอจึงเข้ามาคลุกคลีกับเหตุการณ์ลึกลับบางอย่าง และเปิดโปงความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เริ่มต้นมาก็สามารถเรียกความน่าสะพรึงกลัวได้เป็นอย่างดี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สถานีอ๊กซู มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายก่อนจะย้อนเนื้อหากลับไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นเหตุการณ์ของทั้งหมด โดยมีนักข่าวสาว นายอง เป็นผู้ดำเนินเนื้อหาหลัก เมื่อเธอนั้นต้องแก้ไขข่าวที่ทำผิดพลาด และเพื่อยอดการเข้าชมข่าวในการหารายได้เพื่อใช้จ่ายในการฟ้องร้อง ทำให้เธอได้เข้าสู่เรื่องพิศวง เมื่อเพื่อนของเธอทั้ง 2 คนที่สถานีอ๊กซูอ่านต่อ

รีวิวหนัง “Spider-Man: Across the Spider-Verse”

ดูเหมือนว่าหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่และเป็นตัวแทนของหนังมาร์เวลในศักราชนี้ไปเสียแล้ว และนี่คือการกลับมาสานต่อในภาตต่อแอนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม พร้อมทั้งคว้าออสการ์มาครองได้แล้วใน “Spider-Man: Across the Spider-Verse สไปเดอร์แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม” ที่กลับมาคราวนี้ บอกได้เลยว่า…มาเพื่อยกมาตรฐานของตัวเองขึ้นไปอีก สำหรับในหนัง Spider-Man: Across the Spider-Verse ยังคงโฟกัสที่ตัวละคร อย่าง ไมล์ส โมราเลส เช่นเดิม กับเรื่องราวบทใหม่ของการผจญภัยของเพื่อนบ้านที่แสนดีแห่งบรู๊คลิน ไปสู่มัลติเวิร์สร่วมกับ เกว็น สเตซี่ ของผองเพื่อนมนุษย์แมงมุมเพื่อเผชิญหน้ากับวายร้ายที่ทรงพลังยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยเจอ และเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้ ในขณะที่หนังมาร์เวลฉบับคนแสดงต้องเผชิญหน้ากับแพสชั่นที่ยิ่งสร้างยิ่งท้อใจคนดูเรื่อย ๆ แต่ฉบับแอนิเมชั่นกลายเป็นฝั่งที่ค่อย ๆ รุ่งโรจน์และรุ่งเรืองขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ และการกลับมาของ Spider-Man: Across the Spider-Verse เรื่องนี้ก็ได้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า นี่คือหนังฮีโร่แอนิเมชั่นที่ตอบโจทย์และมอบทุก ๆ อรรถรสให้กับผู้ชมอย่างเต็มอิ่ม เหมือนกับหนังมาร์เวลยุคก่อนเมื่อทศวรรษที่แล้วแบบนั้นเลย ต้องบอกว่านี่คือการผนึกกำลังที่สุดเจ๋งของดรีมทีมอย่างแท้จริง เพราะ 3 ผู้กำกับ “เคมป์ พาวเวอร์ส”, “วาคิม ดอส ซานโตส” และอ่านต่อ

รีวิวหนังใหม่รุ่นใหญ่จัดเต็ม 80 for Brady

80 for Brady เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจสร้างมาจากเรื่องจริงของ 4 สาวรุ่นใหญ่ วัย 70 พลัส ที่พวกเธอเป็นเพื่อนรักและรักษามิตรภาพกันมาอย่างยาวนาน กับปัจจุบันที่พวกเธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแฟนทีมอเมริกันฟุตบอลระดับชาติ อย่าง New England Patriots ที่มีควอร์เตอร์แบ็กระดับ อย่าง ทอม เบรดี้ อยู่ในทีมนี้นั่นเอง และชีวิตของพวกเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อได้เห็นลีลาการเล่นในสนามของเขา จนกลายเป็นการขับเคลื่อนชีวิตสาวใหญ่ทั้งแก๊งได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของโปรดิวเซอร์หนังมือฉมัง “ไคล์ มาร์วิน” ที่เราอาจจะคุ้นเคยกับหนังที่เขาอำนวยการสร้าง อย่าง The Climb เมื่อไม่กี่ปีก่อน นี่จึงถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของเขามาก ๆ แม้ว่าจะยังไม่ใช่งานสร้างที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลย เพราะโชคดีมาก ๆ ที่หนังยังมีองค์ประกอบอื่นที่พยายามประคับประคองทั้งเรื่องไปได้ตลอดรอดฝั่งได้เป็นอย่างดี ไม่ได้หวังพึ่งแค่งานกำกับเท่านั้น รีวิว แก๊งอาวุโส..ยังโอเคไปบุกสนามโล้ด! หนังได้ 2 นักเขียนฝีมือดี “ซาราห์ ฮาสกินส์” กับ “เอมิลี่ ฮาลเพิร์น” ที่เคยได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามอ่านต่อ

รีวิวหนัง "Assassin Club"

แน่นอนว่าหนังบู๊ไม่น่าจะมีวันตายไปจากแวดวงหนังได้ง่าย ๆ เพราะมันยังมีกิมมิกอะไรมากมายที่ดั้นด้นให้แตกหน่อออกผลผลิตใหม่ ๆ มาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าวัตถุดิบที่ประสบความสำเร็จได้ดีอยู่แล้ว จะถูกหยิบนำมาปรุงแต่งใหม่เป็นหนังเรื่องใหม่ได้เวิร์กเสมอไป ก็เหมือนกับ “Assassin Club” หนังแอคชั่นนักฆ่าที่น่าจะอยากเจริญรอยตามความสำเร็จของเฟรนไชส์ John Wick จึงได้กล้าคิดที่จะออกมาประชัน รีวิว”Assassin Club” Assassin Club เป็นเรื่องราวของ มอร์แกน อดีตทหารหนุ่มที่กลายมาเป็นนักฆ่าอาชีพ โดยเขาได้รับมอบหมายให้ทำงานสุดท้ายก่อนจะถอนตัวออกจากวงการนี้ ซึ่งต้องไปจัดการเด็ดหัวนักฆ่าทั้ง 7 คนที่กระจายอยู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ระหว่างปฏิบัติการดูเหมือนเขาเองก็กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกสั่งเก็บด้วย ทำให้เขาต้องเร่งสืบหาเบื้องหลังความจริงและจัดการผู้ที่บงการเรื่องนี้ก่อนมันจะสายเกินแก้ นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส “กามีย์ เดลามาร์เร” ที่เคยแจ้งเกิดมาจากหนัง Brick Mansions และทำภาคต่อให้ The Transporter Refueled เมื่อหลายปีก่อน แน่นอนว่าเขายังคงเอาดีด้านการทำหนังแอคชั่นแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญตามสไตล์ของเขา แม้ว่าผลงานชิ้นที่ผ่านมา ๆ ในเครดิตของเขาจะไม่ค่อยน่าอภิรมย์ในหมู่นักวิจารณ์สักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังไม่หมดแพสชั่นที่จะทำหนังแนวนี้ต่อไป เช่นเดียวกันใน Assassin Club ก็ยังเข้าข่ายเป็นหนังบู๊สูตรเดิม ๆ ของผู้กำกับรายนี้ ที่เราจะสัมผัสได้ถึงลายเซ็นของเขาเป็นอย่างดีอ่านต่อ

The Last Kingdom: Seven Kings Must Die

 The Last Kingdom: Seven Kings Must Die     คือภาพยนตร์สารคดีเดี่ยวและบทสรุปสุดท้ายในซีรีส์ทางโทรทัศน์ของ Netflix เรื่องThe Last Kingdomมหากาพย์ที่สร้างจากนวนิยายของเบอร์นาร์ด คอร์นเวลล์ และดำเนินเรื่องในศตวรรษที่ 10 ก่อนการรุกรานของนอร์มัน แม้ว่าคุณจะไม่เคยดูตอนใดตอนหนึ่งในห้าซีซั่นก่อนหน้าของรายการใดในประวัติศาสตร์อังกฤษที่มีเนื้อหาเป็นละครแต่มีการวิจัยสูง คุณน่าจะอยากกลับไปเริ่มดูเทพนิยายทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น เพราะมันจับใจได้มากกว่า ยิ่งคุณยอมจำนนต่อมันมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มาจากวิธีการที่รอบคอบที่พยายามนำเสนอสังคมที่ประกอบด้วยคนต่างศาสนาชาวเดนส์และคริสเตียนแซกซัน – และผู้คนที่มีทั้งสองอย่าง – พยายามอย่างยากลำบากเพื่อให้ทุกคนเข้ากันได้ เพื่อนหลักคือชายที่มีเชื้อสายผสมคนหนึ่งชื่อ Uhtred (Alexander Dreymon) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดในแซกซอน แต่ได้รับการเลี้ยงดูโดยชาวไวกิ้งและเชื่อในเทพเจ้านอร์สนักรบที่น่าสะพรึงกลัวถือดาบที่มีก้อนอำพันอยู่ที่ด้ามจับ และผมที่พันกันยุ่งเหยิงที่ด้านข้าง ดังนั้นเขาจึงดูเหมือนนักเดินทางยุคใหม่จากช่วงปี 1990 Uhtred เป็นผู้นำของชุมชนใน Northumbriaซึ่งสละตำแหน่ง กษัตริย์. การเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์เวสเซ็กซ์ทางตอนใต้ของเขาถูกทดสอบเมื่อกษัตริย์เอเธลสแตน (แฮร์รี กิลบี) ที่เพิ่งสวมมงกุฎขึ้นครองอำนาจ และได้รับการชักชวนจากที่ปรึกษาคนสนิทของเขาอิงกิลมันเดอร์ (ลอรี เดวิดสัน) (ผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสในศาสนาคริสต์) ให้ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อยึด ควบคุมอาณาจักรทั้งหมดของบริเตน ตั้งแต่เกาะอ่านต่อ

รีวิว Murder Mystery 2 (ปริศนาฮันนีมูนอลวน 2)

Murder Mystery 2 (ปริศนาฮันนีมูนอลวน 2)   ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ Murder Mystery (2019) ของ Netflix ที่ในภาคนี้ก็จะยังกลับมาสานต่อความฮากับเรื่องราววุ่นๆ ของคู่สามีภรรยาสุดกาวอย่าง Nick (รับบทโดย Adam Sandler) และ Audrey (รับบทโดย Jennifer Aniston) ที่ในภาคนี้พวกเขาทั้งคู่ได้ตั้งบริษัทสำนักงานนักสืบร่วมกัน แต่สำนักงานของพวกเขากลับเงียบเหงาและไม่มีใครมาจ้างงานเลย จนกระทั่งทั้งคู่ได้ถูกเชิญไปงานแต่งงานสุดหรูบนเกาะส่วนตัวของ Maharajah (รับบทโดย Adeel Akhtar) แต่จนแล้วจนรอดก็เกิดเรื่องวายป่วงขึ้น เมื่อจู่ๆ Maharajah ได้ถูกลักพาตัวไปยังปารีส งานนี้ 2 นักสืบสุดกาวจึงต้องออกปฏิบัติการอีกครั้ง โดยท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไรจะวายป่วงแค่ไหน ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Murder Mystery 2 (ปริศนาฮันนีมูนอลวน 2) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix สำหรับภาคต่อนี้ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ตั้งตารออะไรมากนัก เพราะภาคแรกเองก็เป็นหนังขายขำที่พอดูได้สนุกเพลินๆ ผมจึงคาดหวังว่าภาคนี้ก็คงจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่เมื่อดูจบแล้วกลับกลายเป็นว่าอ่านต่อ

“The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี” ใช้ความศรัทธา เอาชนะความกลัว

รีวิวหนัง “The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี” ใช้ความศรัทธา เอาชนะความกลัว เปิดประตูสู่ความจริง เมื่อภาพยนตร์ “The Pope’s Exorcist โป๊บปราบผี” ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากแฟ้มเหตุการณ์จริงของหลวงพ่อ“เกเบรียล อามอร์ธ” ผู้ทำหน้าที่ปราบผีแห่งนครวาติกัน โดยหนังมีการเล่าเรื่องราวผ่านแง่มุมของศาสนาคริสต์ ที่มีมิติไม่เน้นหนักไปทางด้านศาสนา แต่เคล้าให้เราได้สัมผัสกับความศรัทธาหลายแง่มุมของศาสนามีทั้งบาปและความชั่วร้ายที่ยังคงตามติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน แม้เวลาจะเปลี่ยนผันแต่การกระทำของเราจะอยู่ติดตัวเราเสมอ และพบกับความสยองขวัญจนใจเต้นแรง พร้อมแผงอิทธิฤทธิ์การปราบผีทั่วทุกหนแห่งไปกับเขา เรื่องราวของ บาทหลวงอามอร์ธ เขาได้สืบเรื่องราวการถูกสิงสู่ที่โบสถ์เซนต์ เซบาสเตียนในแคว้นคาสติล ประเทศสเปน มีครอบครัวหนึ่งกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการบูรณะอาคารเก่าแก่ โบสถ์แห่งนี้มีประวัติยาวนานกับพระคริสตจักรคาธอลิค และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่นั่น ได้ถูกเปิดเผยออกมา เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของพระคริสตจักรคาธอลิค เพราะมีการลงโทษคนที่การแสดงออกของพวกเขาไม่ได้สื่อถึงการมีศรัทธาอย่างลึกซึ้ง เราทุกคนต่างก็คิดว่านั่นเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการล้วงลึกเข้าไปในประวัติศาสตร์ของสเปน เผยความเก่งกาจของ กาเบรียล อามอร์ธ ผ่านการปราบซาตานตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนจะโยงเข้าสู่สถานที่หลักที่กำลังมีครอบครัวหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่เมื่อเป็นสิ่งเดียวที่ครอบครัวเหลืออยู่ ในระกว่างการบูรณะอาคารพวกเขาได้เริ่มพบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อซาตานได้สิงสู่เด็กหนุ่มเฮนรี่ ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้ กาเบรียล อามอร์ธ ต้องมาสู่สถานที่แห่งนี้ และเกิดเรื่องราวขึ้นทั้งหมด โดยเนื้อหาในการเล่าจะไม่ได้ใส่คำสอน หรือการชูเรื่องความเชื่อเข้ามามากนัก แต่ปักหลักในด้านความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า เพื่อให้เรานั้นสามารถต้านทานกับสิ่งชั่วร้าย และบาปที่เคยทำไว้ได้ มีการวางปมความแค้นของซาตานอ่านต่อ

รีวิวหนัง "One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด" โชคชะตาพากลับไปยุคอาเซเรเฮ!

 “One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด” มีหนังดี ๆ มาแนะนำกันอีกแล้ว คราวนี้เป็นหนังใหม่จากสวีเดนที่มาพร้อมกับพล็อตที่ไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าไหร่ แต่กลับน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว นี่คือ “One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด” หนังตลกแฟนตาซีสำหรับใครที่ชื่นชอบหนังแนวย้อนเวลาวนลูป แต่ในเรื่องนี้ไม่ได้เขย่าขวัญหรือไซไฟอะไร แต่กลับสอดแทรกถึงโอกาสที่สองของคน ถ้าหากว่าเราได้มีโอกาสอีกครั้ง One More Time ย้อนวันฉันสิบแปด พูดถึงชีวิตของ อมิเลีย หญิงสาวที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับวิกฤตวัยกลางคน ก่อนที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชนในวันเกิดปีที่ 40 ของตัวเอง แต่เมื่อเธอฟื้นคืนสติกลับขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาอยูในปี 2002 หรืออยู่ในร่างของตัวเองตอนอายุ 18 ปีอีกครั้ง ทำให้เธอได้มีโอกาสที่จะได้มีความสุขกับช่วงเวลาโปรดปรานของเธออีกครั้ง แต่เรื่องราวมันไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนั้น เพราะอมิเลียพบว่าตัวเองยังคงวนลูปในห้วงเวลาเดิม ๆ ด้วยการตื่นขึ้นมาในวันเกิดอายุ 18 ปีอย่างต่อเนื่องทุก ๆ วัน ทำให้เธอต้องรีบตั้งสติ พร้อมกับต้องมองหาสิ่งที่ต้องแก้ไขเมื่อในอดีตให้ถูกต้อง ก่อนที่เธอเองจะไม่มีโอกาสได้ก้าวเดินต่อไปและใช้ชีวิตภายภาคขหน้าได้อีก เอาตรง ๆ One More Time เรื่องนี้ก็เหมือนกับเป็นการยำพล็อตจากหนังฮอลลิวูดดังอ่านต่อ

รีวิวหนัง "The Covenant"กระตุกต่อมพลีชีพ

“The Covenant” กระตุกต่อมพลีชีพ ถึงคิวผลงานใหม่อีกเรื่องหนึ่งของผู้กำกับ “กาย ริตชี” ที่ได้มีโอกาสลงโรงฉายในเมืองไทยแบบชนกันทั้งสองเรื่อง (อีกเรื่องก็คือ Operation Fortune: Ruse de guerre) ในสัปดาห์กลางเดือนเมษายน และเรื่องนี้คือ “The Covenant” ที่มาพร้อมกับโหมดขึงขัง พกกองกำลังทหารสหรัฐฯ มาอย่างมาดแมน แต่เนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้สอดแทรกไปด้วยประเด็นมิตรภาพ ความหวัง และโอกาสในสงคราม ที่เผลอ ๆ อาจจะต้องเสียน้ำตาให้ด้วย The Covenant เป็นเรื่องราวของ จ่าสิบเอก จอห์น คินลีย์ กับ อาเหม็ด ล่ามภาษาชาวอัฟกัน ที่ต้องระหกระเหินฝ่าฟันดงตาลีบานร่วมกัน หลังจากกองกำลังของพวกเขาได้ถูกซุ่มโจมตีอย่างหนักหน่วง โดยที่อาเหม็ดได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะช่วยชีวิตจอห์นเอาไว้ให้ได้ แต่เมื่อจอห์นฟื้นขึ้นมาทราบว่า อาเหม็ดยังคงหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ที่อัฟกานิสถาน ที่ตาลีบานได้หมายหัวเขาเอาไว้จากวีรกรรมที่เขาได้ช่วยเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ ทำให้เขาเลือกที่จะกลับไปสู่สมรภูมิตัวเองอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือ…เพื่อนร่วมรบ และก็อีกเช่นเคย The Covenant ก็ยังคงเป็นผลงานการเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือหน้าคุ้นอ่านต่อ