Better Days ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ

Better Days : ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ | เมื่อการกลั่นแกล้งนำไปสู่บทสรุปอันน่าเศร้า Better Days (ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ) เมื่อการกลั่นแกล้งนำไปสู่บทสรุปอันน่าเศร้า หนังสะท้อนสังคมน้ำดีจากจีนที่ทุกคนไม่ควรพลาด! บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า Better Days (ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix เรื่องย่อ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะว่าด้วยเรื่องราวการกลั่นแกล้งกันของเด็กนักเรียนในเมืองจีน ซึ่งเนื้อเรื่อได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง โดยจะติดตามเรื่องราวของ เฉินเหนียน (รับบทโดย โจวตงอวี่) เด็กสาวเรียนดีที่บ้านฐานะยากจน เธอมีความฝันจะสอบเข้ามหาลัยดีๆ เรียนให้จบ และหางานทำเพื่อพาแม่หลีกหนีจากชีวิตอันยากลำบาก ทว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เพราะในโรงเรียนที่เธออยู่นั้นมีการกลั่นแกล้งกันอย่างรุนแรง จนวันหนึ่งเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกกลั่นแกล้งได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เฉินเหนียนที่ทนไม่ได้จึงเข้าไปให้ปากคำกับตำรวจ ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อคนต่อไปและเริ่มถูกรุมกลั่นแกล้งอย่างหนัก( อยู่มาวันหนึ่งเธอได้บังเอิญไปเจอกับ เสี่ยวไป๋ (รับบทโดย อี้หยางเชียนซี) ที่ถูกรุมทำร้ายอยู่อ่านต่อ

The Devil All the Time ศรัทธาคนบาป

The Devil All The Time ถือเป็นภาพยนตร์เข้มข้นสุดระทึกเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายที่ได้รับรางวัลงานเขียนมากมาย ผมเพิ่งมารู้จักก็ตอนที่เรื่องนี้ประกาศสร้างตั้งแต่ปี 2018 นี่แหละ นี่ก็ 2020 แล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร 2 ปีแห่งการสร้าง มีการคุยกับนักแสดงมากมายที่จะมาเล่นภาพยนตร์ เสียดายที่คริส อีแวนส์ที่เคยคุยตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์ไม่ได้เล่น แต่การได้นักแสดงนำดี ๆ มากมายมารวมตัวกันในภาพยนตร์เรื่องเดียวขนาดนี้ ถือเป็นกำไรใหญ่ที่สตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์มอบให้ในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องกักตัวแบบนี้ การได้ชมหนังเข้ม ๆ รสชาติข้นราวกับกาแฟยามบ่ายถือเป็นอะไรที่ได้อารมณ์อยู่พอสมควรกับคนดู เพราะนอกจากจะมีนักแสดงแล้ว ยังมี เจค กิลเลนฮาน ดาราหนุ่มมากฝีมือที่มารับบทเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้พอจะเห็นแล้วว่าดรีมทีมของภาพ เปิดเรื่องมา ผมเกือบตามเรื่องไม่ทันเลย เพราะหนังใช้วิธีการเล่าผ่านบุคคลที่สาม เหมือนอ่านหนังสือยังไงยังงั้น แต่ว่าหนังก็พาเข้าเรื่องอย่างรวดเร็วโดยการเล่าตัวละครสลับมุมมองไปมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ให้เห็นว่าเหตุการณ์นั้นมีจุดตัดและจุดเปลี่ยนยังไง โดยเฉพาะเรื่องของพระเจ้าและศรัทธา ซึ่งทำให้ผมเริ่มสนใจแล้วว่าหนังจะเล่าเรื่องอะไร พอสักพักหนึ่ง ทำไมตัดไปช่วงนั้น ตัดไปช่วงนี้อีกแล้ว มันมีหลายเส้นเวลา หลายเหตุการณ์มากจนบางทีก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ในที่สุดเรื่องก็เข้าจริง ๆ หลังจากใช้เวลาปูเรื่องในช่วง 45 นาทีแรก ตัวละครแต่ละตัวก็มีปมมีอะไรต่างกันไปอ่านต่อ

TheCall สายตรงต่ออดีต

รีวิว #TheCall สายตรงต่ออดีต The Call สายตรงต่ออดีต เล่าเรื่องราวของ ซอยอน (พัคชินฮเย) หญิงสาววัย 28 ที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังเก่า ซึ่งเธอมีปมเรื่องบ้านถูกไฟไหม้จนต้องสูญเสียพ่อ ด้านความสัมพันธ์กับแม่ก็ย่ำแย่ เมื่อเธอมองว่าแม่คือต้นเหตุที่ทำให้เธอนั้นต้องเสียพ่อไป แล้วจู่ ๆ โทรศัพท์บ้านของเธอก็มีสายปริศนาจากอดีตเมื่อปี 1999 ติดต่อเข้ามา ที่ภายหลังถึงรู้ว่าเธอคือ ยองซุก (จอนจงซอ) หญิงสาววัยเดียวกัน ที่ถูกแม่เลี้ยงที่เป็นร่างทรงทารุณสารพัดเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกไป หากใครกำลังมองหาหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญ จิตๆ หลอนๆหน่อย แต่ก็เริ่มเบื่อกับพล็อตหนังที่เดิมๆแล้ว ผมขอแนะนำเรื่องนี้ครับ ว่าด้วยเรื่องหญิงสาวที่บังเอิญได้รับโทรศัพท์มาจากอดีต!!??​ เท่านั้นยังไม่พอ คนที่พูดคุยด้วยนั้นดันเป็นฆาตกรโรคจิตอีกต่างหาก??​ เอาละ แค่ไอเดียและพล็อตเรื่องก็ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจแล้ว ก็จะมารีวิวคร่าวๆละกันเดี๋ยวมันจะสปอยเนื้อเรื่องเกินไป หนังเรื่องนี้โดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างดี ในด้านความทริลเลอร์ ระทึกขวัญ แม้ว่าเอ้อมันอาจจะไม่ได้โหดเลือดสาดจ๋าๆ ขนาดนั้นนนนน เพราะฉะนั้นที่ใครหวังความโหด เลือดสาดก็อาจจะผิดหวังได้กับเรื่องนี้ เพราะส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้จุดแข็งของมันกลับไม่ใช่ความโหดเสียอย่างเดียว แต่มันเป็นพล็อตไอเดียของเรื่องที่เข้าใจคิด และแปลกใหม่ น่าสนใจ น่าติดตามว่าจะเป็นยังไงต่อ จะทำยังไงดี มันทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับหนังไปได้อย่างไม่ยากอ่านต่อ

White Boy Rick ริค จอมทรหด

White Boy Rickฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ Telluride Film Festivalเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2018 และเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2018 โดยSony Pictures Releasing ได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลายจากนักวิจารณ์และทำรายได้ไปมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์ หรือ 4 ล้านดอลลาร์จากทุนสร้าง 29 ล้านดอลลาร์ White Boy Rickเป็นเรื่องราวที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าการเปิดตัวฉากเบลฟาสต์อันร้อนแรงของ Demange ดังนั้นใครก็ตามที่คาดหวังบางสิ่งที่เข้ากับ ความเข้มข้นของการระเบิดใน ปี 71อาจต้องผิดหวัง วิธีการตามลำดับเวลาอย่างตรงไปตรงมาของ White Boy Rickนำเสนอวิธีที่ดีที่สุดในการบรรจุความประหลาดใจ แต่ก็หมายความว่ามันลากไปในที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนท้ายที่ความเห็นอกเห็นใจต่อตัวเอกของเรื่องขู่ว่าจะเลื่อนไปสู่ความชั่วร้าย “สิ่งสำคัญ” เป็นคำที่พูดเกินจริงไปเล็กน้อย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องราวของแวร์เชสร้างเป็นละครชีวิตจริงที่น่าสนใจในภาพยนตร์ที่กำกับโดยยานน์ เดมังจ์และนำแสดงโดยแมทธิว แมคคอนาเฮย์ในบทพ่อของตัวละครที่เป็นพ่อค้าปืนเล็กๆ ที่รักลูก ๆ ของเขา แม้ว่าเขาจะทำไม่ได้ก็ตาม ทำถูกต้องโดยพวกเขา อย่างไรก็ตามอ่านต่อ

(The Outsider) ดิ เอาท์ไซเดอร์

The Outsider ซีรีส์ HBO งานสร้างจากนิยายยอดเยี่ยมเรื่องล่าสุดของสตีเฟน คิง เรื่องราวคดีฆาตกรรมเด็กที่เป็นปริศนา หลังพบว่าผู้ต้องสงสัยมีสองตัวตนในเวลาเดียวกันต่างสถาณที่ และไม่พบว่ามีแรงจูงใจหรือมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน แต่กลับก่อคดีโหดสะเทือนขวัญคนทั้งเมือง เรื่องราวใน The Outsider จึงเดินเรื่องด้วยการสอบสวนเต็มขั้นมากที่สุดเท่าที่หนังสตีเฟน คิง เคยมีมา โดยตั้งธงไปที่การมีสองตัวตนของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร ที่หลักฐานทั้งสองด้านต่างแน่นหนาด้วยกันทั้งคู่ หนังจึงใช้เรื่องการตามล่าหาหลักฐานทุกแบบมาหักล้างและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ ในแนวทางนิติเวชยืนยันด้วยวิทยาศาสตร์เป็นหลัก รวมถึงการสืบสวนในเชิงจิตวิทยากับพยานบุคคล และตัวผู้ต้องหาในเรื่อง ซึ่งทำให้คนดูได้สงสัยและคิดตามได้ตลอดเรื่อง เรื่องนี้เน้นหนักไปทางการสอบสวนจริงจัง ตัวละคร Ralph ตัวเอกของเรื่องนี้จึงไม่เชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติเลยสักนิด และพร้อมปฏิเสธการมีอยู่ของเรื่องเหล่านี้ด้วยอย่างหนักแน่น ซึ่งก็เป็นหัวใจของเรื่องนี้ที่พยายามทำให้ทุกอย่างที่ดูเหนือธรรมชาติให้กลับมามีคำตอบได้ อาจจะไม่เป็นแนววิทยาศาสตร์ซะทีเดียว แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในโลกจริงๆ มากกว่าแนวทางนิยายปกติของคิงที่ชี้ชัดเสมอแต่แรกแล้วว่ามีผีหรือปีศาจแบบไหนในเรื่อง แต่เรื่องนี้จะอึมครึมไปด้วยความคลุมเคลือแบบนี้จนจบเรื่อง อาจจะไม่ได้มีฉากหวือหวาหลอกหลอนอะไรนัก แต่ก็สร้างบรรยากาศกดดันนิ่งๆ รอการระเบิดได้ตลอดเวลา ซีรีส์มีทั้งหมด 10 ตอนจบ ซึ่งแนะนำเลยว่าควรค่าแก่การรับชม นี่เป็นหนังสตีเฟน คิง ในช่วงหลังที่ IT จุดกระแสและทำได้ดีมาก จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหนังที่ทำจากสตีเฟน คิง ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำได้เยี่ยมเช่นกัน อีกทั้งนิยายที่ได้รับคำชมการันตีล้นหลาม แต่ในส่วนนิยายเรื่องนี้ยังไม่มีแปลไทยออกมาอ่านต่อ

"Army of the Dead" แผนปล้นซอมบี้เดือด

หลังจากต้นปี 2021 แซค สไนเดอร์ (Zack Snyder) สร้างความฮือฮากับโปรเจกต์มหาชนอย่าง ‘Zack Snyder’s Justice League’ ที่ได้กลายเป็นคอนเทนต์เด็ดของเอชบีโอ แม็กซ์ (HBO MAX) ไปแล้วก็ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ รอนานแต่คราวนี้สไนเดอร์ไม่ได้มากับยอดมนุษย์คนไหนและไม่ได้พะยี่ห้อดีซี (DC) ตอนต้นเรื่องแต่กลับเป็นการย้อนสู่รากเหง้าอย่างหนังซอมบี้ที่มี ‘Dawn of the Dead’ หนังเปิดทางอาชีพผู้กำกับหนังที่น่าจับตามองให้เขาเมื่อปี 2004 หนังจะเล่าถึง สก็อต วอร์ด (เดฟ บอทิสตา – Dave Bautista) อดีตทหารรับจ้างที่ปัจจุบันกลายเป็นพ่อครัวในร้านอาหารที่วันดีคืนดีเขาก็ได้รับงานจาก บลาย ทานากะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ – Hiroyuki Sanada) เศรษฐีที่เสนอเงินก้อนโตแลกกับการพามาร์ติน (แกร์เร็ต ดิลลาฮันต์ – Garret Dillahunt) คนของเขาไปที่ลาส เวกัสเพื่อขนเงินสดก้อนโตจากตู้เซฟในคาสิโนก่อนรัฐบาลจะปูพรมทิ้งระเบิดอ่านต่อ

รีวิว โปรเจคท์ พาวเวอร์ พลังลับพลังฮีโร่ | Project Power (2020)

โดยทั่วไปของหนังซูเปอร์ฮีโร่ก็มักจะให้โอกาสกับคนเพียงไม่กี่คนที่จะได้รับพลังบางอย่างมาโดยบังเอิญบ้าง ตั้งใจบ้าง แต่ครั้งนี้ การเป็นซูเปอร์ฮีโร่จะง่ายดายขึ้นกว่าเดิม สไตล์ “ใครๆ ก็เป็นฮีโร่ได้” ด้วยการกระเดือกยาเม็ดแคปซูลที่จะทำให้ผู้กินมีพลังวิเศษได้ 5 นาที ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่มีฉายบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ทาง Netflix หนังที่เป็นทั้งไซไฟและแอคชัน ผสานความเป็นหนังอาชญากรรม เมื่อบางคนต้องการทำธุรกิจใหม่ และยาที่ขายไม่ใช่ยาบ้าแต่เป็นยาที่ทำให้มีพลังพิเศษ มันเป็นเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่ขนผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่เข้ามาทางเรือ ก่อนจะส่งมาให้คนอีกกลุ่มหนึ่งแบบฟรีๆ สิ่งนั้นคือ เม็ดยาที่มนุษย์ผู้ใดกินเข้าไปแล้วจะมีพลังเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ได้ 5 นาที พอปล่อยของแล้วพวกเขาก็จากไป แต่แท้จริงพวกเขามีนัยยะแอบแฝงอยู่ ผลจากการมียาชนิดนี้อยู่ในตลาด มันได้ก่อให้เกิดธุรกิจขายยา (ที่ไม่ใช่ยาเสพติดแต่เป็นยาพาวเวอร์) โรบิน (Dominique Fishback/โดมินิค ฟิชแบก จากผลงานหนัง ‘The Hate U Give’) เด็กหญิงผิวสีคลั่งไคล้ในการร้องเพลงแร็ปที่มีแม่ป่วยและจำเป็นต้องหาเงิน เธอจึงเลือกมาทำธุรกิจค้ายาพลังฮีโร่ ก่อนเธอจะได้พบกับตำรวจนอกเครื่องแบบชายชื่อแฟรงค์ (Joseph Gordon-Levitt/โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ จากผลงานหนัง ‘Looper, ‘Inception’ และ ’50/50′) ที่เข้ามาช่วยเธอจากพวกอันธพาล ตัวละครหลักสามตัว อันประกอบไปด้วยอ่านต่อ

รีวิว Master Z The Ip Man Legacy

เชื่อว่าหลายคนที่เป็นแฟนคลับปรมาจารย์ยิปมันเมื่อได้รู้ว่า จะมีหนังจักรวาลยิปมันภาคแยกออกมา ก็ต้องจับตามองเป็นธรรมดา เพราะตัวเอกไม่ได้เป็นยิปมัน แต่กลับกลายเป็นตัวร้ายกลับใจในภาคที่แล้ว ที่ออกมาสร้างความลำบากให้กับยิปมันอย่างมาก ในภาคนี้ถูกดึงแยกออกมาให้มีหนังโซโล่เดี่ยวของตัวเอง ก็น่าจะต้องสร้างความน่าสนใจปนกับข้อเปรียบเทียบจากคนดูได้อย่างมาก ภาพยนตร์เปิดจักรวาลตำนานยิปมัน เล่าถึงเรื่องราวของ “จงเทียนฉี” ที่พ่ายแพ้การต่อสู้กับยิปมัน แล้วเลือกหันหลังให้กับมวยหย่งชุน พร้อมใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ไม่นานเขากลับถูกแก๊งค์อันธพาลคุกคาม และเมื่อสาวลงลึกแล้วพบว่าแก๊งค์นี้พัวพันกับการค้ายาเสพติด ซึ่งแม้แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถจัดการได้ ทำให้ จงเทียนฉี ต้องอาศัยมวยหย่งชุนเพื่อผดุงความยุติธรรมอีกครั้ง!!! หนังเล่าแบบไม่ต้องดูยิปมันทั้งสามภาคก็ดูรู้เรื่องได้ เพราะเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับ พี่โป้ โยคีเพลย์บอย เอ้ยยย จงเทียนฉี แบบแยกออกมาจากเส้นเรื่องเดิม แต่ยังคงเคารพความเป็นเรื่องราวเดิมๆ ไว้ค่อนข้างเยอะ การดำเนินเรื่องที่ออกจะคล้ายกันมากเกินไปนิด เนื้อเรื่องที่ไม่ฉีกหนีของยิปมันสักเท่าไหร่ มันทำให้หนังไม่ได้มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเท่าที่ควร ซึ่งจุดนี้สำหรับผมมันซ้ำของเก่าจนเกินไปมาก แต่ข้อดีของหนังคือฉากต่อสู้ที่ดูจะแข็งแรงและดุดันมากกว่าการต่อสู้ในเวอร์ชั่นของยิปมัน ซึ่งเป็นการใช้พลังของคู่ต่อสู้ย้อนกลับไปทำร้ายคู่ต่อสู้เอง แต่ของ จงเทียนฉ๊ ในช่วงต้นที่หนังพยายามบอกว่า เขาหันหลังให้มวยหยุงชุน หนังก็ทำการต่อสู้ได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมันเป็นอย่างมาก แล้วตบท้ายด้วยการกลับมาใช้มวยหย่งชุน อ่อนปะทะแข็งในการกำหราบคู่ต่อสู้คนสุดท้าย อีกอย่าง การสร้างตัวละครใหม่ๆ ขึ้นมาเอะแยะมากมายของหนัง มันมีทั้งคุณและโทษในคราวเดียวกัน หนังได้นักแสองชั้นนำอย่าง มิเชลโหย่ว, เดฟ บาติสต้า,อ่านต่อ

 23:23 สัญญาสัญญาณ รีวิวซีรีส์ 23:23 สัญญาสัญญาณ มาหลายเรื่องราวแล้ว ถ้าไม่พูดถึง “ชาคริต แย้มนาม” ในบท “ผู้กองยอดชาย” การรีวิวิวซีรีส์เรื่องนี้ก็จะไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเราจึงไม่พลาดที่จะพูดถึง “ชาคริต” ในบทตำรวจดีเดือด กล้า บ้าบิ่น ซึ่งเป็นตำรวจน้ำดีที่สังคมต้องการ อุ่นใจได้เสมอว่าทำงานรับใช้ประชาชนได้ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะจับตัวคนร้ายในทุก ๆ คดีมารับโทษตามกฏหมายให้ให้ได้โดยไม่เห็นแก่หน้าใครเพื่อรักษาความถูกต้องตามกฏหมาย แต่ตำรวจน้ำดีแบบนี้ก็แน่นอนว่าไม่เป็นที่พึงใจเหล่าผู้มีอิทธิพลคนทำผิดกฏหมายทั้งหลาย ซึ่งทำให้คนดูต้องลุ้นไปกับทุกฉาก ทุกตอนของซีรีส์ว่า ผู้กองยอดชาย จะนำทีมสืบสวนสอบสวนจับคนร้ายและปิดคดีได้สำเร็จหรือเปล่า “23:23 สัญญาสัญญาณ” เป็นซีรีส์ที่เล่าถึง “ผู้กองยอดชาย” (ชาคริต แย้มนาม) ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นตำรวจตงฉินที่สุดคนหนึ่ง ความตรงไปตรงมาทำทุกอย่างโดยไม่สนใจใครขอแค่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย คนทำผิดและฆาตกรจะต้องได้รับโทษ เหยื่อและผู้เสียหายจะต้องได้รับความยุติธรรม ผู้กองยอดชายยังเป็นตำรวจสายฟาด พร้อมฟาดอารมณ์ใส่ผู้บังคับบัญชาอย่างไม่กลัวเกรงหากว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง แต่เขาก็เป็นที่รักของเพื่อนตำรวจด้วยกัน รวมทั้ง “ริสา” (แพนเค้ก เขมนิจ) ตำรวจน้องใหม่ไฟแรงที่มี “พี่ยอด” เป็นบุคคลต้นแบบที่ริสาทั้งรักและศรัทธาอย่างมาก ผู้กองยอดชายติดตามคดีสำคัญ ๆ คืออ่านต่อ

รีวิวซีรีส์เสียดสีสังคมของไทย ‘เด็กใหม่ GIRL FROM NOWHERE’ SS 1 เมื่อปี 2561 เกิดกระแสมาแรงอย่างมากของซีรีส์ไทยเรื่องหนึ่ง เด็กใหม่ หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Girl from Nowhere เป็นละครชุดแนวแฟนตาซีลึกลับที่กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทยจนขึ้น #เด็กใหม่ หลายต่อหลายครั้ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นที่นิยมได้ขนาดนั้นเพราะเรื่องราวของเด็กใหม่นำมาจากข่าวที่เกิดขึ้นจริง และนำมาทำเป็นละครเสียดสีสังคมจนโดนใจใครหลาย ๆ คนเข้าและตัวละครหลักคือ แนนโน๊ะ เด็กนักเรียนใหม่ และคุณจะทำยังไงกับเธอคนนี้กันดีนะ ด้วยเนื้อหาที่สุดโต่งและแปลกใหม่ของเรื่อง ทำให้เนียเกิดสนใจซีรีส์เรื่องนี้ทันที เด็กใหม่ Girl from Nowhere ด้วยชื่อของซีรีส์ไม่เป็นที่ดึงดูดสักนิดแต่หากได้เห็นปกกับตัวละครหลักอย่างแนนโน๊ะแล้วล่ะก็ คุณจะต้องเหมือนเนียที่รีบกดเข้ามาดูแทบไม่ทัน ด้วยความลึกลับและน่าดึงดูดสายตานั้น ทำให้รู้สึกตัวอีกทีก็ดูจนติดแล้วต้องรอเรื่องนี้แทบจะทุกวันเลย แต่ตอนนี้สามารถดูได้ที่ Netflix แล้วแถมยังดูNetflixได้ที่กล่องทรูไอดีอีกด้วยนะ เอาเป็นว่าตอนนี้ถ้าคุณสนใจสามารถหาดูได้สบาย ๆ โดยต้องขอบอกก่อนว่าซีรีส์เรื่องนี้อยู่ในการควบคุมของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และในการทำซีรีส์ชุดนี้ออกมามีผู้กำกับถึง 10 คนเลยทีเดียวนับได้ว่าเป็นซีรีส์เรื่องแรกของไทยที่มีผู้กำกับเยอะขนาดนี้ แต่ผู้กำกับแต่ละคนจะแบ่งกันทำในแต่ละตอน ซึ่งที่น่าตื่นเต้นคือเราจะได้เห็นซีรีส์เรื่องเดียวที่ถ่ายทอดแนวความคิดของผู้กำกับถึง 10 คนเลยอ่านต่อ