🎈รีวิวภาพยนต์ | The Greatest Beer Run Ever |

👁‍🗨คลิปตัวอย่าง | The Greatest Beer Run Ever |

  • เรื่อง          The Greatest Beer Run Ever
    ประเภท     Adventure/Comedy/Drama/war
    ผู้กำกับ      Peter Farrelly
    ความยาว  2h 6m
    ปี่่ที่ฉาย     2022
    IMDB     6.8/10

🎈รีวิวภาพยนต์ | The Greatest Beer Run Ever |

“The Greatest Beer Run Ever” หนังที่ได้แรงบันดาลใจสร้างมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นระหว่างสมรภูมิสงครามเวียดนาม ที่มาพร้อมกับทีมนักแสดงและทีมงานผู้สร้างระดับแนวหน้า ที่แน่นอนว่านี่คือหนังผจญสงครามที่น่าจะทำให้คนดูประทับใจได้ไม่ยากเลย

รีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever

The Greatest Beer Run Ever เป็นเรื่องราวในปี 1967 ช่วงระหว่างที่สหรัฐอเมริกาส่งกองทัพไปร่วมทำสงครามในเวียดนาม ชัคกี้ โดโนฮิว เป็นหนุ่มชาวนิวยอร์ก ที่เพื่อน ๆ ละแวกบ้านของเขาหลายคนเข้าร่วมกองทัพและถูกส่งตัวไปทำสงครามครั้งนี้ ในขณะที่เขายังเรื่อยเปือยและใคร ๆ ก็มองว่าไม่เอาถ่าน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจสุดบ้าบิ่น ด้วยการรับภารกิจแบกเบียร์กระป๋องใส่กระเป๋าลงเรือข้ามทวีป เพื่อไปส่งมอบให้กับเพื่อน ๆ ของเขาที่อยู่ในสมรภูมิรบ กับปฏิบัติการตัวคนเดียวที่น่าเหลือเชื่อ แต่มันได้เกิดขึ้นกับเขาแล้วจริง ๆ

รีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever

นี่คือผลงานชิ้นล่าสุดของผู้กำกับ “ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี่” ผู้สร้างหนังเจ้าของรางวัลออสการ์ อย่าง Green Book ที่ยังคงพกสายเส้นและจังหวะการเล่าเรื่องสไตล์ทะมัดทะแมง พร้อมกับอินเนอร์ตลกร้ายเข้ามาในหนังได้อย่างหอมปากหอมคอ เขายังร่วมเป็นหนึ่งในทีมดัดแปลงเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย โดยหยิบเอาบันทึกเรื่องจริงของ ชัคกี้ โดโนฮิว มาร้อยเรียงเป็นภาพออกมาในหนังสงครามเรื่องนี้ แม้ว่าหลาย ๆ อย่างจะมากับองค์ประกอบที่สูตรสำเร็จแบบจับวาง แต่มันก็ทำงานไหลลื่นด้วยดีไปตลอดทั้งเรื่องเช่นกัน   ทางด้านงานสร้างและเทคนิคในหนัง The Greatest Beer Run Ever นั้น ก็ถือว่าดีตามมาตรฐาน อาจจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่นัก แต่พวกเขาก็ถือว่าเนรมิตฉากเวียดนามในโลเคชั่นเมืองไทยได้ค่อนข้างน่าพอใจ เก็บรายละเอียดยิบย่อยได้อย่างเหมาะสม ใช้เทคนิคพิเศษต่าง ๆ แต่งเสริมเข้าไปได้อย่างดี แม้จะมีบางจุดบางมุมอยู่บ้างที่ซีจีดูโดด ๆ ไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่จุดที่เป็นข้อบกพร่องต่อตัวหนังทั้งเรื่องเท่าไหร่

รีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever

การเล่าเรื่องของหนังนั้นไม่ได้มีอะไรหวือหวาเท่าไหร่ เพราะเล่าไปตามไทม์ไลน์และลำดับอย่างซื่อสัตย์เลยทีเดียว ติดตามการเดินทางของตัวละครไปในสถานที่และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นจังหวะการเล่าเรื่องที่พอดูได้เพลิน ๆ แต่ไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่ใจและสร้างความแปลกใหม่อะไร บทหนังก็ถือว่ายังเพลย์เซฟไปสักหน่อย ค่อนข้างขาดมิติไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งการขยี้หลาย ๆ คาแรกเตอร์ในหนังเรื่องนี้ยังทำได้ไม่ดีพอ แม้กระทั้งบทพระเอกของเรื่องก็ยังค่อนข้างกลวงไปนิด

ทางด้านการแสดงไม่ต้องเป็นกังวลอะไรเลย “แซ็ค แอฟรอน” คือโดดเด่น เขาสามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างสบาย การแสดงระดับมืออาชีพและไหลลื่นในพรสรรค์ถ่ายทอดตัวละครนี้ออกมาได้ดี แม้ว่าบทในคาแรกเตอร์นี้จะขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเขารับหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นผลงานการแสดงที่เยี่ยมยอดที่สุดของเขาอะไร เป็นเพียงการแสดงแบบเซฟโซนที่เล่นออกมามากน้อยก็ยังทำได้ดีอยู่

รีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever

ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ไม่ได้โดดเด่นอะไร เพราะว่าข้อด้อยของบทหนังที่ไม่ได้ให้ความสำคัญและสร้างมิติให้กับตัวละครอื่น ๆ เท่าไหร่นัก จึงทำให้หลายตัวละครเข้ามาเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น “รัสเซลล์ โครว์” หรือ “บิล เมอร์เรย์” นักแสดงรุ่นใหญ่ที่ใส่เข้ามาแบบงั้น ๆ ส่วนนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งหลากหลายคนก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี แม้ว่าบทจะยังไม่ส่งเสริมทำให้พวกเขามีซีนที่น่าจดจำในหนังได้เท่าไหร่

รีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever

ไม่เพียงเท่านั้น The Greatest Beer Run Ever ยังถือว่าเป็นหนังที่สอดแทรกอารมณ์ตลกร้ายและด้านเทา ๆ ที่เสียดสีไปถึงภารกิจสงครามของอเมริกาได้อย่างปั๊วะปังเบา ๆ หนังได้ทิ้งข้อความใหญ่ ๆ เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียในการเข้าไปข้องเกี่ยวและแทรกแซงทำสงครามในอดีตของอดีต เป็นโจทย์ใหญ่ที่ไม่ได้ทำการตัดสินในตัวหนัง แต่ปล่อยให้ผู้ชมได้ไปขบคิดและรีเสิร์ชค้นหาประวัติศาสตร์กันต่อเล่น ๆ หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว
รีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever
สรุปแล้วนั้น ภาพรวมของหนังสงครามกับภารกิจส่งเบียร์ให้เพื่อนในครั้งนี้ มันฟังอาจจะดูเหลือเชื่อและเกินจริง แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นและมีลายลักษณ์หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีอยู่จริง หนังอาจจะไม่ได้เพอร์เฟคระดับล่ารางวัล แต่ก็เป็นหนังที่มีจังหวะการเล่าเรื่องที่สนุกกับบทหนังที่ออกจะอ่อนด้อยต่ำมาตรฐานไปสักหน่อยกับทีมผู้สร้างชุดนี้ อย่างน้อย ๆ ก็ยังทิ้งทวนไว้กับแง่คิดต่าง ๆ เกี่ยวกับสงครามและการใช้ชีวิต เพราะไม่มีอะไรจริงยิ่งไปกว่าการได้เจอกับตัว..เห็นกับตา นั่นแหละคือข้อพิสูจน์แห่งชีวิตจริง